ระยะนี้ฝนตกหนักแทบทุกวัน จะขับรถไปไหนก็ไม่สะดวก ระยะทางไกลๆ ก็ไม่ไหว เปลืองน้ำมัน ต้องประหยัดงบประมาณ แต่ถ้าจะนอนอยู่กับบ้าน มันก็เสียเหลี่ยมลูกกำนันกันเกินไป ก็เลยหาเส้นทางสบายๆ วิวสวยๆ ระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ขับระยพสักไม่เกิน 2 ชั่วโมง กางแผนที่ดูแล้ว ก็คงจะไม่พ้นพัทยา แต่ช้าก่อน วิวไม่สวยไม่ฉ่ำ ถ้าเลือกเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ ก็ไปมาจนเบื่อ เหลือแต่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ทางดี ไม่ไกลนัก บรรยากาศสดชื่น ว่าแล้วไปเลยดีกว่า
ขับรถไม่นาน
ใช้เส้นทางพระราม 2 ไปก็ได้ถึงแยกวังมะนาวแล้วเลี้ยวขวาไปราชบุรี ถ้าไปทาง เพชรเกษมก็ดี วิ่งไป จ.ราชบุรีผ่านตัวเมืองไป แล้วมองหาป้ายที่ชี้ไป “อ.สวนผึ้ง” ถนนที่วิ่งเข้า อ.สวนผึ้ง เป็นถนนเลนส์คู่ วิ่งสวนทางกัน ขับไม่ยาก แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเวลาแซงสักเล็กน้อย วิ่งเข้าไปเรื่องๆ ใช้เวลาไม่นานเราก็จะมาถึง อ.สวนผึ้ง จากจุดนี้ เราสามารถจะไปไหนต่อก็ได้ แต่อย่างที่จั่วหัวไว้ว่า “ไปจิบกาแฟ” ก็เลยต้องมองหาร้านกาแฟเป็นหลัก ซึ่งตลอด 2 ข้างทางก็จะมีร้านกาแฟให้เห็นอยู่บ้าง แต่ไม่โดน จนกระทั่งมาใช้เส้นทางที่จะเข้าไปฟาร์มแกะทั้งหลาย ก็เจอร้านกาแฟที่ถูกใจชื่อ Bellissino ตั้งอยู่บนเนินเขาทางซ้ายมือ ด้านหน้ามีคอกแกะ มีน้ำพุกลางสนามหญ้า ตัดสินใจเลี้ยวขึ้นไปทันที
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น
สำหรับคอกาแฟแล้ว เพียงได้กลิ่นหอมๆ จากกาแฟสดที่ชงใหม่ๆ ก็แทบจะหายเหนื่อย เราเข้าไปดูที่กระดานเมนู มองหาของคุ้นเคย “คาปูร้อน” สั่งเสร็จ สายตาเหลือบไปเห็นขนมพายในตู้ โอ้ว… จัดมา 1 ชิ้น บลูเบอรี่ชีสพาย พอหันออกมาอีกที สายฝนโปรยปรายเย็นฉ่ำ เลยหาที่นั่งเหมาะๆ จิบกาแฟ คู่กับขนมพาย พร้อมปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงฝนพรำ เท่านี้ก็ผ่อนคลายไปได้แล้ว ก่อนจะจากลา เราได้สอบถามถึงเมนูที่ไม่ควรพลาดของทางร้าน Bellissino นั่นคือ Caramel Macchaito ซึ่งเราไม่ได้สั่งทีแรกเพราะความเคยชิน กับการสั่งคาปูร้อนมันติดปาก ทำให้ต้องขึ้นบัญชีไว้ในใจว่า อีกไม่นานเราจะกลับไปจิบกาแฟกลางขุนเขาที่สวนผึ้งอีกครั้ง คราวนี้จะไม่ให้พลาดโดยเด็ดขาด