ความทรงจำล่าสุดที่ทำให้เกิดการเดินทางครั้งนี้เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อน ได้ไปเที่ยวกับพ่อที่ทุ่งดอกกระจียว จังหวัดชัยภูมิ ครั้งนั้น ไปกันช่วงเดือนสิงหาปลายๆ เดือน อากาศดี แต่เกือบผิดหวังเพราะทั้งทุ่ง เราพบดอกกระจียวที่กำลังร่วงโรยแค่ดอกเดียวเท่านั้น แถมการเดินทางครั้งนั้น รถตู้ที่เช่ามายังขับพาอ้อมไปเข้าที่ตัวจังหวัดชัยภูมิ ทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางยาวไกลโดยไม่จำเป็น แต่เมื่อคืน ดูข่าวค่ำเขาว่าช่วงนี้ดอกกระเจียวกำลังบานเต็มทุ่ง จะรออะไรกันอีกละ เดียวพ้นฤดูก็อดดู เก็บเสื้อผ้ากันเลย
วางแผนก่อนการเดินทาง
สำหรับยานพาหนะที่จะใช้สำหรับการเดินทางครั้งนี้คือ MG GS1.5T รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากค่าย MG ด้วยคุณสมบัติเด่นที่เหมาะสมกับการเดินทาง ด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน 1.5 ลิตร เพิ่มพลังด้วยเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ร่วมกับเกียร์ดูอัลครัทช์ 7 สปีด ทำให้มั่นใจได้ว่าทางจะคดเคี้ยว สูงชันขนาดไหน เราก็ไปได้อย่างแน่นอน
เส้นทางที่เราเลื่อกจะวิ่งผ่านสระบุรี ลพบุรี ไปเลี้ยวเข้าอำเภอชัยบาดาล มุ่งหน้าสู่ อำเภอเทพสถิต ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันระหว่าง ลพบุรี และชัยภูมิ ซึ่งห่างจากตัวจังหวัดชัยภูมิถึงร้อยกว่า กม. เราขับรถออกจาก กทม.บ่ายแก่ๆ มาถึงที่พักที่อำเภอเทพสถิตยังไม่หกโมงเย็น โดยตลอดระยะทางที่เราวิ่งมา MG GS 1.5T สร้างความมั่นใจให้กับเราได้จริงๆ โดยเฉพาะช่วงขึ้นเขา ก่อนเข้าอำเภอเทพสถิต ที่มีความคดเคี้ยว ขึ้นทางลาดชัน และยังมีทางน้ำไหลเป็นระยะๆ เกียร์ ระบบดูอัลครัทช์ 7 สปีด ช่วยให้การขึ้นและลงทางลาดชันเป็นไปอย่างนุ่มนวล ไม่สูญเสียกำลัง และยังไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงเกินความจำเป็น จึงเท่ากับช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น ซึ่งเราสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ประมาณ 15.00 กม./ ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขที่ดีมาก เมื่อเส้นทางไม่ได้ราบเรียบสักเท่าไรนัก
เราพักที่เทพสถิตวิว เป็นที่พักที่ขอแนะนำครับ สำหรับท่านที่กำลังคิดวางแผนการเดินทาง ราคาไม่แพง ห้องพักหลายระดับราคา มีสวนน้ำ วิวสวยโล่งสบายตาครับ แถมยังได้ชมทุ่งกังหันลมได้ชัดเจนอีกต่างหาก
เช้าวันรุ่งขึ้น เรายังต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณ 30 กม. เพื่อเข้าไปยัง”อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” ตลอดเส้นทางเป็นถนน 2 เลน วิ่งสวนทางกัน ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อต้องการจังหวะเร่งแซงรถหนัก เพราะพลังจากเครื่งยนต์ 1.5T ช่วยให้เราสามารถแซงผ่านขึ้นไปได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นานเราก็ขึ้นมาถึงหน้าที่ทำการอุทยานฯ ปรากฎว่ารถเยอะมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกกระเจียวกำลังบานเต็มทุ่ง เราหาที่จอดรถได้ก็พากันเข้าไปยังอุทยานฯ
กติกาการเข้าชมทุ่งดอกกระเจียว ทุกคนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติ ในอัตรา 40 บาทต่อคน จากนั้นก็เดินเข้าไปได้เลยครับ ทีนี้แหละ เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะเดินชมด้วยตัวเองหรือจะยอมเสียเงินสำหรับค่าบริการรถรับส่งคนละ 20 บาท แต่มันต้องเดินหลาย กม. และเวลาที่มีจำกัด จึงเลือกขึ้นรถรับส่งไปยังจุดชมวิว
นั่งรถไปยังจุดสำคัญๆ เดินเข้าผาสุดแผ่นดิน แล้วลงเดินผ่านทุ่งดอกกระเจียวที่ทำเป็นทางเดินไว้ให้อย่างดี ดอกกระเจียวสวยงามอย่างที่คาดหวังไว้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เราก็มายืนรอรถรับส่งกันแล้ว เพื่อไปยังจุดต่อไป “ลานหินหน่อ” และจุดอื่นๆ ตามลำดับ ซึ่งในแต่ละจุดเราก็ได้พบกับนักท่องเที่ยวมากมาย ทุกคนหน้าตายิ้มแย้ม สมหวังกับความงดงามของภูมิประเทศ
ขับรถสบายๆ กลับบ้านกัน
เที่ยงกว่าแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับ กทม. ที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าที่ทำการอุทยาน เราได้เห็นยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางของแต่ละคน ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถเมล์(จากกทม.) รถจักรยานยนต์ สินค้าที่วางขายมากมาย ดูสนุกสนานดีจริงๆ
เราขับ MG GS1.5T คันเก่ง ย้อนทางกลับ มีรถวิ่งไม่มาก สภาพเส้นทางช่วงผ่านเข้าจังหวัดลพบุรี ค่อนข้างจะมีมีหลุมบ่อมากมาย ต้องเบรคหนักๆ หลายรอบ แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเราหรือผู้โดยสารแม้แต่น้อย ขากลับเราใช้เวลาประมาณ 3 ชม.กว่าๆ เท่านั้น นับว่าเร็วพอสมควร
การเดินทางที่น่าจะเหนื่อย จากสภาพเส้นทาง ระยะเวลาที่ใช้ แต่ด้วยสมรรถนะ ความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ทำให้ตลอดเส้นทาง เรามีเวลาเพลิดเพลินกับธรรมชาติ 2 ข้างทาง มั่นใจกับความปลอดภัย และความสะดวกสบายอย่างแท้จริง
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ MG ที่ไว้วางใจมอบรถอเนกประสงค์คุณภาพเยียมมาใช้สำหรับการเดินทางของเราในครั้งนี้ พบกับ MG GS1.5T ได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศครับ
ข้อมูลทางเทคนิค NEW MG GS
NEW MG GS ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เช่นเดียวกับรถเอ็มจีทุกรุ่นที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ โดยมุ่งสร้างความแตกต่าง พร้อมยกระดับคุณสมบัติที่เหนือกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน ทั้งความโดดเด่นด้านดีไซน์ แรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง การควบคุมที่มั่นใจ และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครัน
การออกแบบภายนอก
ออกแบบด้วยแนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) และ Diamond Flow Design เพื่อสไตล์ที่โดดเด่นเหนือกว่า สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการตามใคร
กรอบไฟหน้าฮาโลเจน ส่องสว่างกว้างไกล พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันหรือเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ (Daytime Running Lights)
ไฟท้ายแอลอีดี (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ไฟเบรกดวงที่สามส่องสว่างชัดเจน
มือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ
ซันรูฟแบบปรับไฟฟ้า (ยกเว้นรุ่น D)
ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง (ยกเว้นรุ่น 1.5 D) ไฟตัดหมอกหลังมีทุกรุ่น
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า (เฉพาะรุ่น 2.0 X)
ระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ
ระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
การออกแบบภายใน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
การออกแบบเน้นความทันสมัยด้วยเส้นสายที่เฉียบคม กว้างขวาง รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ
ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสีดำให้ความสปอร์ตดุดัน
เบาะพับแยกส่วนได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระ
เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 2.0 X)
หน้าจอมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ 8 นิ้ว (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูส คอนโทรล (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
กุญแจอัจฉริยะ และการสตาร์ทรถแบบ Push Start (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ระบบเชื่อมต่อและการสื่อสารอินคาเน็ต พร้อมระบบนำทางเนวิเกชั่น (ยกเว้นรุ่น 1.5 D)
ระบบเครื่องเสียงเพื่อความบันเทิงพร้อมลำโพง 8 ตัว (ยกเว้นรุ่น 1.5 D) รองรับมัลติมีเดีย และการเชื่อมต่อบลูทูธ ยูเอสบี และเอยูเอ็กซ์
เครื่องยนต์ 1.5
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น
พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 4,400 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST – Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 7 สปีด
ประหยัดยิ่งขึ้นด้วยการรองรับเชื้อเพลิง E85
ระบบบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือนและระบบเบรก
ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า พร้อม Paddle Shift (เฉพาะรุ่น X)
ช่วงล่างด้านหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง อิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม Ceramic Compound Brake Pads
โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมถุงลม 4 จุด คู่หน้าและด้านข้าง (ยกเว้นรุ่น 1.5 D) มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM 13 ฟังก์ชั่น ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
- ABS – Anti-lock Braking System ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน
- EBD – Electronic Brake Force Distribution System ระบบช่วยกระจายแรงเบรก
- TCS – Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
- CBC – Curve Brake Control ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
- SCS – Stability Control System ระบบควบคุมการทรงตัว
- AVH – Auto Vehicle Hold ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
- BDC – Intelligent Brake Disc Cleaning ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ
- OHBV – Optimized Hydraulic Brake Servo ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิคเบรกให้เหมาะสม
- MSR – Motor Control Slide Retainer ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน
- EBA – Electronic Brake Assist ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์
- HAS – Hill-Start Assist System ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
- TPMS – Tire Pressure Monitor System ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (เฉพาะรุ่น 2.0)
- EPB – Electronic Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า
อินคาเน็ต inkaNet ควบคุมได้…ทุกที่ทุกเวลา
อินคาเน็ต inkaNet ไม่ได้เป็นแค่แอพพลิเคชัน แต่เป็นระบบที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์ NEW MG GS กับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ที่ให้ความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรถ การจราจร เส้นทาง ระบบนำทางที่สามารถกำหนดเพิ่มเติมสถานที่ที่สนใจของผู้ขับขี่ได้ด้วยตัวเอง โดยผู้ใช้สามารถใช้งานและสั่งการได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และวางใจได้ในการขับขี่ในทุกการเดินทาง
ระบบอินคาเน็ต inkaNet ของรถยนต์ NEW MG GS มีการติดตั้งกล่องควบคุมที่เรียกว่า T-Box และเป็นตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานระบบอินคาเน็ต inkaNet ผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่
- แอพพลิเคชั่น inkaNet บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
- เว็บไซต์ www.mgcars.com ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
- MG Call Centre 1-800-999-988, 1-401-999-988 กด 3
ทั้งนี้ อินคาเน็ต มีฟังก์ชั่นเด่นที่ให้บริการข้อมูลรถยนต์และความปลอดภัยของรถยนต์ NEW MG GS ได้แก่
- ระบบนำทางรถยนต์ ให้ข้อมูลระบบนำทางผ่าน Google Maps และผู้ใช้สามารถเช็คตำแหน่งรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน Call Centre ได้แบบ Real time
- แจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ
2.1 แจ้งพฤติกรรมการขับขี่ พร้อมแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ โดยเปรียบเทียบเป็นค่าเฉลี่ย ทั้งแบบราย สัปดาห์และรายเดือน
2.2 เปรียบเทียบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถเอ็มจีของคุณกับรถเอ็มจีของคนอื่น เพื่อช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถและประหยัดน้ำมันมากขึ้น
- ระบบเลขาฯ ส่วนตัว ติดต่อ MG Call Centre เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพื่อสอบถามข้อมูลและขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวก โดยการส่งเส้นทางการเดินทาง (Point of Interest) มายังหน้าจอวิทยุรถยนต์โดยไม่ต้องค้นหาเองให้เสียเวลา
- ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับรถยนต์ สามารถกำหนดไว้ตั้งแต่ 500 เมตร ไปถึง 10 กิโลเมตร จากศูนย์กลาง ในกรณีรถออกนอกรัศมีขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Push notification และส่งเอส เอ็ม เอส อีกด้วย
- วางแผนการเดินทาง สามารถส่งแผนการเดินทางจากคอมพิวเตอร์ไปยังหน้าจอวิทยุรถยนต์
- การตรวจวิเคราะห์รถยนต์ เตือนความผิดปกติของรถยนต์ต่างๆ ทาง Push Notification
6.1 เช็คสถานะการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบถุงลมเบื้องต้นได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น
6.2 ติดต่อ MG Call Centre เพื่อให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติของรถยนต์ และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นได้ทันที
- การตรวจสอบสถานะรถยนต์ โดยแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะปัจจุบันของรถยนต์ว่าปิดอยู่หรือไม่ แจ้งระดับแบตเตอรี่ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและอุณหภูมิอากาศภายนอก
- การควบคุมการทำงานของรถยนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ด้วยการสั่งล็อค/ปลดล็อครถระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือ MG Call Centre หรือจะเป็นการค้นหารถยนต์ด้วยฟังชั่น Find My Car ระบบจะสั่งให้รถเปิดไฟหน้า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถในที่มืดได้ง่ายขึ้น
- การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ โดยระบบจะแจ้งเตือนความผิดปกติผ่านทาง Push notification บนแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เมื่อรถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์
- การโทรออกและรับสายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยสามารถรับสายและโทรออก จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ไปยังโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ แม้มีไม่โทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ หรือลืมพกโทรศัพท์มือถือ
- การรับและส่งข้อความผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ แม้ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ
- แชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสัญญาณ WI-FI จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยวิทยุรถยนต์จะทำหน้าที่เสมือน WI-FI Router ให้เชื่อมต่อกับโลกได้ทุกที่ทุกเวลา