ชีวิตในเมืองหลวงที่สับสนวุ่นวาย รถติดเป็นอันดับ 1 ของโลกไปแล้ว ติดกัน 24 ชั่วโมง ติดไม่เว้นวันหยุด จนเดี๋ยวนี้หลายคนหันไปใช้ชีวิตกับ 2 ล้อกันมากขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นหรือได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ดังสนั่นลั่นทุ่งกันจนชินตา แต่สำหรับอีกหลายๆท่าน ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องมีเสียงดังขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้ขับรถยนต์ไปเที่ยวตลอดมันก็ไม่ตื่นเต้นซินะ งั้นวันนี้เราจะชวนคุณที่มีเจ้า 2 ล้อคันเล็ก คันใหญ่ ก็ตามแต่สะดวกครับ ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศหนีความสับสนวุ่นวายไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ในที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เราใช้หนึ่งในรถจักรยานยนต์ที่เป็นตำนาน Vespa Primavera 150 ที่มีอายุอานามเกือบ 50 ปีเข้าไปแล้ว แม้เวลาจะเปลี่ยนไปแต่รูปโฉมของรถยังคงเอกลักษณ์เอาไว้เช่นเดิม โดยเจ้าคันนี้ขี่ง่ายสบายๆ ด้วย เครื่องยนต์ 1 สูบ แบบ 3 วาล์ว ปริมาตรความจุ 154.8cc ให้กำลัง 12 แรงม้า (7.8kW) @7,500rpm และแรงบิด 12 Nm@5,000rpm ถ่ายกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ไหลลื่นไม่มีสะดุด
เราตั้งใจว่าจะขี่แบบสบายๆ ไม่รีบไม่ร้อน จึงเลือกที่จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาทางเรือ แทนที่จะข้ามทางสะพาน การเดินทางจึงเข้าทางถนนสรรพาวุธ บางนาครับ วิ่งสุขุมวิทขาออก ไปถึงแยกบางนาก็เลี้ยวขวา วิ่งไปจนสุดถนน ก็จะเจอวัดบางนานอก กับท่าเรือข้ามฟาก แต่ในระหว่างทางถ้าหากหิวหรือจะหาอะไรรองท้อง ก็มีให้เลือกตลอดทางเช่นกันครับ ตามสะดวกเลย การลงเรือข้ามฟากจะมีช่องทางแคบๆ พอให้รถจักรยานยนต์สวนทางกันได้ เราวิ่งเข้าไปตามทาง จนลงเรือ จัดท่าทางให้เรียบร้อย ดับเครื่อง (จากฝั่งนี้เรายังไม่ต้องจ่ายค่าข้ามนะครับ เขารอเราอยู่อีกฟากของแม่น้ำ 555)
ใช้เวลาไม่นาน เรือก็พาเรามาถึงฝั่งบางน้ำผึ้ง ขึ้นตรงท่าวัดบางน้ำผึ้งแหละครับ รอให้คนขึ้นหมดรถจักรยานยนต์ค่อยขึ้น จ่ายค่าข้ามไป 14บาท สบายใจ จากจุดนี้ ถ้าเราข้ามมาปกติ ก็จะต้องเช่าจักรยาน หรือนั่งรถรับจ้างไปยังตัวตลาด แต่เรามี Vespa Primavera 150 มาเอง จึงไม่ต้องกังวลอะไร สวมหมวกให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกเดินทางต่อ ออกหน้าประตูวัดแล้วเลี้ยวซ้าย วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลงครับ แต่แดดแรงๆ แบบนี้ไปแวะจิบกาแฟเย็นให้ชื่นใจก่อน
เราวิ่งผ่านทางเข้าตลาดน้ำบางน้ำผึ้งไป จุดหมายมีแค่ร้านกาแฟเท่านั้น ส่วนจะเป็นร้านไหนก็ส่องเอาข้างหน้าเลย แล้วแต่ความพึงพอใจของท่านเอง
“Beehive” เราวิ่งผ่านหน้าตลาดมาได้ไม่กี่ กม.ก็เจอร้านเก๋ๆ น่านั่ง ชื่อร้าน “Beehive” แนวๆ ตู้คอนเทนเนอร์ กับกาแฟสด เราสั่งโอเลี้ยง ยกล้อ 555 อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องไปลองเองครับ ปล่อยเวลาให้วิ่งไปเรื่อยๆ สัก ชั่วยาม แล้วต้องขยับร่างกายออกเดินทางย้อนกลับไปยังตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรหรอกครับ แค่รู้สึกหิวเท่านั้นเอง ฮา อีกแล้ว
ร้านค้าร้านอาหารเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี ปลาตะเพียนต้มเค็มก็น่าโดน ก๊วยเตี๋ยวเรือก็เรียกร้อง ข้าวเหนียวหมูปิ้งยิ่งหอม โอยเดินไปเรื่อยจนเจอลานเด็กเล่น และห้องน้ำ เข้าไปล้างหน้าล้างตา แล้วย้อนกลับมาลองก๊วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกสูตรโบราณ (เพราะเขายังมีเต้าหู้ยี้ให้เติม) ก็แค่พอได้ครับไม่ถึงกับแนะนำอะไร เดินไปเดินมาจนเวลาเย็นย่ำแล้ว ก็กลับ ลงเรือข้ามกลับมาผจญกับความวุ่นวายของเมืองหลวงกันต่อไป
สำหรับใครที่อยากจะพักค้างคืนที่บางน้ำผึ้ง ก็มีที่พักรองรับอยู่ไม่น้อยครับ กิจกรรมหลักๆ ของที่นั่นคือ การขี่จักรยานชมเมือง และยังมีศูนย์การเรียนรู้อีกหลายแห่งให้เข้าไปแสวงหาอาหารสมองมากมายครับ มีเวลาสัก 1-2 วัน จะพาลูกหลานไปเที่ยวหรือหลบความวุ่นวายไปพักสมองก็เชิญครับ