ซ่อมรถกันเสร็จหรือยังครับ กำลังจะครบรอบ 1 ปีน้ำท่วมประเทศไทย หลายท่านตัดใจทิ้งรถไปเลย อีกหลายท่านก็ซ่อมไปใช้ไป และก็ต้องขอแสดงความยินดีกับอีกหลายๆ ท่านที่รถอยู่รอดปลอดภัย ไม่ต้องประสบกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้
ใครจะไปนึก
เรื่องที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของรถผู้เขียนเองนั้น อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับน้ำท่วม ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะอาการสตาร์ทยากนั้น มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันแรกที่ขับออกจากโชว์รูมกันเลย เรื่องมีอยู่ว่า อาการที่สตาร์ทยากนั้น หมายถึง เครื่องยนต์เหมือนกับหมุนไม่ได้รอบ ซึ่งสำคัญมากสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่อาศัยการอัดอากาศให้มีความร้อนสูง ถ้าหากรอบเครื่องยนต์หมุนไม่ได้ความเร็วตามที่กำหนดแล้ว อากาศก็จะมีความร้อนไม่เพียงพอจะเกิดการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง
อาการเริ่มต้นของเรื่องนี้ เริ่มจากช่วงเวลาเช้าๆ เวลาบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง ตัวเครื่องจะหมุนนานกว่าที่น่าจะเป็นกว่าเครื่องจะติด แล้วเมื่อขับรถไปสักระยะ ถ้าหากปล่อยคลัทช์ไม่ได้จังหวะจนเครื่องดับ บิดกุญแจแล้ว แต่เครื่องยนต์แทบจะไม่หมุนเลย ซึ่งมันผิดปกติเป็นอย่างมาก ครั้งแรกก็คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่มาเจอตอนเข้าปั๊มน้ำมัน เราก็ดับเครื่องตามปกติ เติมเสร็จ ใช้เวลาไม่นาน พอจะสตาร์ทเครื่อง มันก็ออกอาการเหมือนแบตฯหมดขึ้นมา เด็กปั๊มมาช่วยกันเข็นยังงัยก็ไม่ยอมติดอีก สุดท้ายมีรถใจดีมาช่วยพวงแบตฯ มันก็ดูเหมือนจะดีแต่ก็แค่ติดได้เท่านั้นเอง พอกลับถึงบ้าน ดับเครื่องแล้วลองสตาร์ทใหม่ อาการก็หายไป เหตุการณ์ครั้งนั้น ต้องเสียเงินเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ไปอีก 3 พันกว่าบาท แลกมากับความมั่นใจที่อยู่ด้วยไม่นานก็จากไป
หลงทาง
เปลี่ยนแบตฯใหม่แล้ว ด้วยเพราะวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลัก แต่ด้วยความที่อายุการใช้งานเพิ่งจะ 10 เดือน มันก็ไม่น่าจะมีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องอีก แต่แล้ว ก็ดีใจได้ไม่นาน อาการเดิมก็ตามมาหลอกหลอนกันอีก เหมือนเดิมไม่มีผิด สตาร์ทยาก ติดแล้วดับยิ่งไม่ต้องคุย ต้องปล่อยไว้สัก 20 นาที ค่อยว่ากันใหม่ หากถามว่าทำไมไม่เข้าศูนย์ 555 ไม่ต้องห่วงครับ คำตอบคือ แบตฯเสื่อม เลยไม่ถามกันอีก เพราะแบตฯก็เพิ่งจะเปลี่ยน เข้าอู่เพื่อน ก็บอกว่าต้องเปลี่ยนขั้วแบตฯ เพราะไฟไม่พอ เอ้าเสียเงินเปลี่ยนขั้วใหม่อย่างดี อีกไม่นานมันก็ออกอาการเดิมอีก แต่ด้วยความที่รู้ทางกันแล้ว ก็เลยใช้วิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ช่วงเวลาที่จะทำให้สตาร์ทไม่ได้ หลีกๆ ไว้ ก็พอจะใช้งานกันได้ แต่ก็ได้อีก ปีกว่าๆ ก็ต้องเปลี่ยนแบตฯใหม่อีกแล้ว เป็นลูกที่ 3 สำหรับรถอายุไม่ถึง 5 ปี
ความจริงปรากฏ
และแล้ว ก็เกิดภาวะน้ำท่วมประเทศ บ้านแม่อยู่ในเขตที่ระดับน้ำท่วมสูงถึงเอว แต่ก่อนจะขึ้นไปถึงตรงนั้น รถกระบะ 4×4 ของเราคือวิธีการเดียวที่จะอพยพแม่กับพี่สาวออกมา โดยต้องแลกกับน้ำที่ท่วมสูงระดับขอบประตูล่างกันแล้ว (ซึ่งก็ต้องขอบคุณรถคันนั้นที่ช่วยกันไว้) เพื่อแลกกับการที่แม่ไม่ต้องลุยน้ำเข้าๆ ออกๆ จากบ้าน ในระหว่างนั้นอาการแทรกซ้อนที่มาก่อนเลยคือเสียงดังที่เกิดจากชุดฟายวีล ก็เข้าใจอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ได้ขึ้นมาอีก เครื่องแทบจะไม่อยากหมุน ก็พยายามจนสตาร์ทติดได้ เอาเข้าอู่เพื่อนให้ช่วยดู ก็ถอกเอาสตาร์ทเตอร์ออกมาตรวจสอบ ปรากฏว่าไหม้ครับ ไหม้แบบคำสนิทกลิ่นแรงมาก เพื่อนบอกว่าโดนน้ำ ซึ่งเราเองดูแล้ว มันก็ไม่น่าจะถึงระดับน้ำ เพราะเราลุยไม่ถึงตรงนั้น แต่ก็ฟังไว้แล้วก็ซ่อมไป ผลปรากฏว่า อาการสตาร์ทยาก หมุนอืดๆ หายเกลี่ยง ตอนเช้าๆ บิดกุญแจสตาร์ทพอเครื่องหมุนก็ติดเลย ซึ่งแตกต่างจากสตาร์ทเตอร์ตัวเก่ามาก (ฟังเสียงตอนเครื่องหมุนก็จะรู้สึกว่าแน่นขึ้น แรงขึ้น) ลองดับเครื่องแล้วสตาร์ทเลย ก็ไม่มีปัญหาเหมือนเก่า โอ้ว…….สิ้นสุดการรอคอยซะที หลังจากเสียเงินค่าแบตฯไป 3 ลูก(เกือบหมื่นบาท) ปัญหาที่แท้จริงก็ได้รับการแก้ไขซะที
แต่ช้าก่อน ความสุขมักจะมาอยู่กับเราไม่นาน เพราะระยะเวลาที่น้ำท่วมนั้น รถคันนี้ถูกใช้ในภารกิจเดินทางเข้าออกจากบ้านพักด้วยเช่นกัน เพราะเวลาผ่านไปเพียง 2 อาทิตย์ ก็กลับมาเกิดอาการเช่นเดิม ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นจนไม่สามารถจะสตาร์ทเครื่องได้อีกเลย (ที่แย่คือ ไปเสียอยู่ต่างจังหวัดในวันอาทิตย์ที่อู่ปิดหมด) เข็นติดได้แล้ว ก็ขับกลับบ้านโดยพยายามจะไม่ให้เครื่องยนต์ดับ แล้วเอาเข้าร้านไดร์โดยตรง ให้เขาถอดออกมาดู พร้อมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น สรุปได้ว่า อาการสตาร์ทยากนั้น น่าจะมาจากแปรงถ่านด้านหนึ่งกดไม่เต็มที่ ทำให้มอเตอร์ไม่มีแรงหมุนพอ กินไฟมากเวลาสตาร์ท จนเข้าใจผิดว่าแบตฯเสื่อม ส่วนอาการที่เห็นที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับโดนน้ำท่วมเลย แต่เป็นเพราะช่างต่อสายไฟเข้าแปรงถ่านไม่ดี(มอเตอร์บิว) ทำให้ขดลวดไหม้ทั้งหมด(ดูรูป อาจจะไม่ชัดเท่าไร ใช้มือถือถ่ายมา) ร้านเลยจัดการเปลี่ยนลูกใหม่ทั้งหมด แถมรับประกันต่อมาให้ด้วยว่าจะไม่เกิดปัญหาแบบนั้นอีกแล้ว ซึ่งก็จริงๆ เพราะตอนสตาร์ทลองที่ร้าน เครื่องติดเร็วขึ้น ดับแล้วติดหลายๆ ครั้งก็ไม่มีอาการอื่นใดมากวนใจอีก จนปัจจุบัน
สุดท้าย การแก้ไขปัญหารถนั้น ถ้าไม่สามารถตรวจสอบหรือวิเคราะห์ด้วยตัวเองได้แล้ว การเข้าอู่ก็ควรจะต้องคุยหรือสอบถามจากหลายๆ ที่ เพราะบอกได้เลยว่า อู่ปัจจุบันนี้ หาช่างที่มีประสบการณ์จริงๆ ยากมาก ต่อให้ศูนย์บริการเองก็เถอะ ดังนั้นการหาข้อมูลมาประกอบจึงสำคัญเป็นอย่างมาก




โอแจ่มๆ
ขอบคุณความรู้ของคนใช้รถต้องรู้ไม่ใช่ช่างรู้แล้ววินิจฉัยไปถึงเรื่องหนักๆ
ขอบคุณ ครับ