ฟอร์ดเรนเจอร์ ออกสู่สายตาคนไทยมาหลายปีแล้ว แต่ที่สร้างความตื่นเต้นและสร้างกระแสความต้องการขึ้นอย่างถล่มทลายก็ด้วยโฉมที่แล้วในรูปร่างที่ใหญ่โต เครื่องยนต์ทรงพลัง ต้องรอส่งมอบกันนานนับเดือน และเมื่อถึงเวลาอันสมควร ฟอร์ด ประเทศไทยก็สร้างความฮือฮาขึ้นอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเรนเจอร์ โฉมใหม่ มาในแบบไมเนอร์เชนจ์ โดยการปรับเปลี่ยนในส่วนหัวทั้งหมดตั้งแต่กันชนหน้าไปถึงเสาA รวมทั้งภายในห้องโดยสาร พร้อมกับเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีเข้าไป ที่โดดเด่นที่สุดคือ รุ่นไวล์ดแทรค ส่วนรุ่น XLT ยังไม่ได้ของเล่นใหม่ ทั้งคู่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ให้กำลังได้ถึง 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร กับ เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และเพิ่มแรงบิดเป็น 385 นิวตัน-เมตร
สำหรับการเดินทางในวันนั้น จะเป็นการเดินทางในแบบคาราวาน จุดหมายอยู่ที่สนามทดสอบและฝึกการขับขี่ออฟโรด (สนามทหาร) การทดสอบในวันนั้น เน้นจุดเด่นของฟอร์ดเรนเจอร์ออกมาตรงๆ ทั้งเรื่องการทรงตัว พลังจากเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า ระบบช่วยเหลือต่างๆที่ติดตั้งมาให้เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ปลอดภัย และระดับความสามารถในการลุยน้ำลึกได้มากถึง 80 ซม.
ด่านแรกที่เราลงลุยคือการไต่ระดับความลาดชันถึง 50 องศา ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ธรรมดาๆ และลงที่ทางลาดชันถึง 60 องศา ถึงแม้จะดูน่ากลัว แต่เมื่อได้ขับจริงๆ แล้ว ระบบช่วยเหลือที่ติดตั้งมาให้คือ ระบบล๊อคเบรกเมื่ออยู่บนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) เวลาเราปล่อยเบรกเพื่อเหยียบคันเร่ง ระบบจะล๊อคเบรกไว้เป็นระยะเวลา 3 วินาที ซึ่งเพียงพอจะให้เราเหยียบคันเร่งได้ทันโดยรถไม่ไหลถอยหลัง สำหรับการลงทางลาดชัน เรนเจอร์ติดตั้งระบบ Hill Descent Control ที่จะช่วยชะลอความเร็วของรถให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย สามารถควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ได้ง่าย เพียงกดปุ่มHill Descent Control วางเท้าไว้เฉยๆ ห้ามเหยียบอะไรทั้งสิ้น เราทำแค่ควบคุมพวงมาลัยเท่านั้น
ด่านที่สองเราต้องลุยเส้นทางออฟโรด โดยจำลองจากสภาพเส้นทางที่จะต้องเจอทั้งปุ่มหิน น้ำลึก ทางต่างระดับ ซึ่งงานนี้เรนเจอร์ผ่ายฉลุย ผลจากการปรับปรุงช่วงล่างให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น เมื่อลงน้ำ เครื่องยนต์ทรงพลังก็สามารถพาให้เราเคลื่อนที่ไปได้สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก
แล้วก็มาถึงด่านสุดท้ายที่ต้องการให้ผู้ขับขี่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างของพวงมาลัยใหม่ที่ใช้ระบบไฟฟ้า (EPAS) เข้ามาแทนที่ไฮดรอลิคเพาเวอร์ ซึ่งลักษณะการขับขี่จะเป็นทางกรวดลื่น ผู้ขับขี่ต้องหมุนพวงมาลัยตลอดเวลาเพื่อบังคับทิศทาง ที่จุดนี้เอง ถ้าเป็นระบบเดิมคือ ไฮดรอลิคเพาเวอร์นั้น จะมีบางช่วงจังหวะที่พวงมาลัยไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ทำให้เกิดอาการพวงมาลัยล๊อคซึ่งอันตรายต่อผู้ขับขี่อย่างยิ่ง
การขับขี่ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบที่ถูกวางเอาไว้บนพื้นฐานของความปลอดภัย และดึงเอาสมรรถนะที่แท้จริงออกมา ซึ่งก็ทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
การขับขี่บนถนนจริง แม้จะเป็นการเดินทางแบบคาราวาน แต่ทว่าก็มีช่องว่างหรือระยะห่างให้ขับขี่ได้อิสระพอสมควร การบังคับควบคุมจัดว่าง่ายมากเมื่อเทียบกับตัวถังที่มีมีขนาดใหญ่กว่าค่ายอื่น
เครื่องยนต์ทั้งรุ่น 3.2 และ 2.2 แรงม้าห่างกันหลาบสิบตัว แต่ไม่ใช่ปัญหาเมื่อต้องวิ่งไปด้วยกัน ทัศนะวิสัย โล่ง มองเห็นได้รอบคันซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รถออฟโรดจะต้องมี ระบบเบรกที่มีมากกว่าเบรก ด้วยระบบช่วยเหลือมากมายเช่นระบบ ช่วยเบรก(Emergency Brake Assistance) ระบบช่วยการทรงตัวและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ESP with Traction control system ทำให้ฟอร์ดเรนเจอร์พลิ้วไหวได้อย่างมั่นใจครับ สำหรับรายละเอียดที่มากกว่านี้ต้องขอให้ได้เอารถมาขับเดี่ยวอีกครั้งนะครับ ค่อยลงลึกกัน
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย ที่ให้โอกาส www.autofreestyle.com ได้เข้าร่วมในกิจกรรมดีๆ ครั้งนี้ครับ
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมสีสันโดดเด่นให้เลือกมากมาย ได้แก่ สีขาว คูล ไวท์ (Cool White) สีดำ แบล็ก ไมก้า (Black Mica) สีเงินอลูมิเนียม เมทัลลิก (Aluminum Metallic) สีเทา เมโทรโพลิแทน เกรย์ (Metropolitan Gray) สีแดง ทรู เรด (True Red) สีน้ำเงิน ออโรร่า บลู (Aurora Blue) สีฟ้า บลู รีเฟล็กซ์ (Blue Reflex) และสีพิเศษ สีส้ม ไพร์ด ออเร้นจ์ (Pride Orange) ซึ่งมีสำหรับรุ่น ไวล์ดแทรค เท่านั้น
รายละเอียดราคารถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในประเทศไทย:
รุ่นสแตนดาร์ดแค็บ จำนวน 3 รุ่น
Standard Cab 2.2L XL 4×2 Low-Rider ราคา 549,000
Standard Cab 2.2L SWB HP 4×2 HR 6MT ราคา 575,000
Standard Cab 3.2L SWB 4×4 w/TMS 6AT ราคา 749,000
รุ่นโอเพ่นแค็บ จำนวน 7 รุ่น
Open Cab 2.2L XL 4×2 Low-Rider ราคา 599,000
Open Cab 2.2L XLS 4×2 Low-Rider ราคา 659,000
Open Cab 2.2L XLS 4×2 Hi-Rider ราคา 699,000
Open Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider ราคา 749,000
Open Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider 6AT ราคา 789,000
Open Cab 2.2L XLT HP 4×4 ราคา 809,000
Open Cab 3.2L XLT 4×4 ราคา 859,000
รุ่นดับเบิ้ลแค็บ จำนวน 5 รุ่น
Double Cab 2.2L XLS 4×2 Hi-Rider ราคา 789,000
Double Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider ราคา 829,000
Double Cab 2.2L XLT HP 4×2 Hi-Rider AT ราคา 869,000
Double Cab 2.2L XLT HP 4×4 ราคา 909,000
Double Cab 3.2L XLT 4×4 6AT ราคา 1,019,000