เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยจัดกิจกรรมสื่อมวลชนทดสอบขับเชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด บนเส้นทางเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเส้นทางที่มีครบทุกรูปแบบนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบทุกคุณสมบัติสำคัญของรถรุ่นใหม่นี้ และเพื่อแสดงให้สื่อมวลชนได้สัมผัสว่าโคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นรถกระบะที่เหนือชั้นโดยเฉพาะด้านสมรรถนะและความหรูหรา
มร. เวล ฟาร์กาลี ซึ่งเตรียมรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม ประเทศไทย และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยได้พบปะกับสื่อมวลชนไทยเป็นครั้งแรก โดยมร. ฟาร์กาลีกล่าวว่า “เชฟโรเลต โคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดทำให้เราสามารถยกระดับความหรูหราและสมรรถนะในตลาดรถกระบะของประเทศไทยให้สูงขึ้นอีกขั้น ผมมั่นใจว่ารถกระบะรุ่นใหม่นี้จะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและสร้างความประทับใจให้แก่สื่อมวลชนทั้งบนถนนทางไกล ถนนคดเคี้ยว และแม้กระทั่งบนเส้นทางออฟโรด”
“โคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นรถที่จะสร้างความสำเร็จ รถกระบะรุ่นนี้จะถ่ายทอดความพยายามและเน้นย้ำความมุ่งมั่นของเราที่จะนำเสนอรถกระบะและรถเอสยูวีที่ดีที่สุดในตลาด” มร.ฟาร์กาลี กล่าวสรุป
นอกจากรุ่นสูงสุดอย่างไฮ คันทรี โคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดยังมีอุปกรณ์ตกแต่งมากมายที่ลูกค้าสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยรถกระบะรุ่นใหม่นี้เปิดตัวมาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรรเพื่อตกแต่งรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดของตนเอง ชุดแต่งเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอุปกรณ์ตกแต่งของรถ show truck อย่างโคโลราโด เอ็กซ์ตรีมที่เผยโฉมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุด
“รถกระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดสามารถลุยไปได้ทุกที่ และรองรับการใช้งานทุกรูปแบบ เรามีทั้งหมด 17 รุ่นย่อย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 รุ่นหลักคือ แอลเอส แอลที แอลทีแซด และไฮ คันทรี เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า” คุณอุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยกล่าว
“โคโลราโดรุ่นสูงสุดจะมุ่งตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่เราเรียกว่า ‘ผู้มั่นใจในความสำเร็จ’ ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองและมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ โดยลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการใช้รถที่ตรงกับความรู้สึกและสะท้อนความสำเร็จของพวกเขา พร้อมกับแสดงถึงสถานะทางสังคมด้วยการสร้างความโดดเด่นและหรูหรา เรายังมุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการ ‘ความทนทานและความไว้วางใจได้’ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการรถรุ่นสูง และเป็นกลุ่มที่ใช้งานรถกระบะอย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญที่ความทนทานและคุณภาพสูง” คุณอุณา กล่าวเสริม
ทดสอบขับรถกระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด
คุณวันชนะ อูนากูล ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรม จีเอ็ม ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวระหว่างกิจกรรมทดสอบขับครั้งนี้ว่า “โคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นเดิมทั้งภายนอกและภายใน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการขับขี่ที่เหนือชั้นมากขึ้น โคโลราโดเป็นรถกระบะที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการเพิ่มความหรูหราในรถโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด รถกระบะรุ่นนี้ได้รับการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ระหว่างการพัฒนาเป็นระยะทางมากกว่า 360,000 กิโลเมตร พร้อมการจำลองการทดสอบเป็นระยะทางประมาณ 12 ล้านกิโลเมตร”
“เส้นทางการทดสอบขับในวันนี้มีครบครันทุกรูปแบบที่จะพิสูจน์ทุกคุณสมบัติสำคัญของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด ผมได้ร่วมเป็นหนึ่งในทีมสำรวจเส้นทาง ซึ่งเราค้นหาเส้นทางมากมายก่อนที่จะเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดที่สื่อมวลชนจะได้สัมผัสสมรรถนะ ความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่เราได้กล่าวถึงนับตั้งแต่เปิดตัวรถกระบะรุ่นนี้” คุณวันชนะกล่าวเสริม
ช่วงแรกของการทดสอบขับจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดราชบุรีจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบเสถียรภาพในการขับขี่ของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดบนถนนพระราม 2 และเพชรเกษมที่ลาดยางเรียบ เมื่อขับขี่บนถนนเช่นนี้ ห้องโดยสารของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดจะแสดงจุดเด่นที่ความเงียบ โดยมีเสียงลม เสียงรบกวนจากภายนอกและเสียงเครื่องยนต์ต่ำ การปรับปรุงด้านความเงียบทำให้รถกระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดมีเสียงรบกวนลดลง 8 เปอร์เซ็นต์ การปรับปรุงด้านการลดเสียงลมยังทำให้ทีมวิศวกรสามารถเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ขึ้นอีก 12 เปอร์เซ็นต์
การยกระดับความหรูหรายังทำให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับแรงสั่นสะเทือนที่น้อยมากขณะขับขี่รถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เส้นทางการทดสอบบนถนนทางไกลยังทำให้สื่อมวลชนได้ทดลองระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) พร้อมทดสอบความทรงพลังของเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล เทอร์โบแปรผัน VGT (Variable Geometry Turbocharger) ความจุ 2.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที
เมื่อเดินทางถึงจังหวัดราชบุรี การทดสอบจะเข้าสู่ถนนสายรองที่มีความคดเคี้ยวมุ่งสู่อ่างเก็บน้ำบ้านโป่งแห้งในตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง ถนนที่แคบและคดเคี้ยว ซึ่งอาจมีหลุมบ่อและขรุขระเป็นระยะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะและความสมบุกสมบันของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด
สื่อมวลชนจะได้สัมผัสระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ที่ติดตั้งในโคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุด พวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบาเมื่อขับขี่ที่ความเร็วต่ำ และจะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อขับขี่ที่ความเร็วที่สูงขึ้น เส้นทางการทดสอบยังทำให้โคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดแสดงสมรรถนะการขับขี่ การควบคุม และการตอบสนองที่เหนือชั้นด้วยช่วงล่างที่ปรับตั้งใหม่ให้ขับขี่นุ่มนวลและเกาะถนนมากยิ่งขึ้น และการใช้แท่นรองตัวถังใหม่ ช่วงล่างที่ได้รับการปรับตั้งใหม่นั้นจะแสดงศักยภาพที่เหนือกว่าบนถนนที่ขรุขระ และเป็นหลุมเป็นบ่อ รวมถึงความเงียบและความรู้สึกหรูหราของห้องโดยสารระหว่างการขับขี่ ส่วนสมรรถนะของเครื่องยนต์ และการควบคุมที่แม่นยำของรถกระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดจะมอบความมั่นใจและความสนุกสนานให้แก่สื่อมวลชนระหว่างการขับเข้าโค้งที่มีความคดเคี้ยว
หลังจากหยุดพักที่อ่างเก็บน้ำบ้านโป่งแห้ง สื่อมวลชนจะได้เข้าสู่การทดสอบขับแบบออฟโรด สองช่วง เพื่อพิสูจน์ศักยภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด ช่วงแรกจะเป็นการไต่ขึ้นสู่ยอดเขาบีล็อกตอง ยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งมีความสูง 2,231 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
แรงบิด 440 นิวตันเมตรมาที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ 2,000 รอบต่อนาทีพร้อมขับเคลื่อนรถกระบะรุ่นใหม่นี้ให้ไต่ขึ้นเนินเขาที่ลาดชันและคดเคี้ยวได้อย่างสบาย บางส่วนของเส้นทางออฟโรดมีความทุรกันดารซึ่งสื่อมวลชนได้ทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุด เนินเขาที่ลาดชันมากเหมาะสำหรับการใช้ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist หรือ HSA) และระบบควบคุมความเร็วของรถขณะลงทางลาดชัน (Descent Control หรือ HDC) เส้นทางออฟโรดเป็นบทพิสูจน์ว่าโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
สำหรับอีกหนึ่งเส้นทางออฟโรดจะมีความสมบุกสมบันน้อยกว่าและมีการขับผ่านลำธาร โคโลราโดรุ่นใหม่ล่าสุดมีศักยภาพขับผ่านระดับน้ำ 800 มม. ดังนั้นลำธารที่ตื้นจึงเป็นเส้นทางที่ง่ายดายสำหรับรถกระบะรุ่นนี้ ช่วงนี้สามารถเร่งความเร็วให้สูงขึ้นเล็กน้อย ถนนกรวดที่มีหินลอยและขรุขระบางช่วงจะแสดงให้เห็นว่าห้องโดยสารของโคโลราโด รุ่นใหม่ล่าสุดมีความเงียบและตัดขาดจากเสียงรบกวนภายนอก พร้อมกับแสดงศักยภาพของช่วงล่างที่ได้รับการปรับตั้งใหม่เพื่อดูดซับทุกแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน
ความรู้สึกเมื่อได้ลองขับ
กระบะโคโลราโด รุ่นใหม่นี้ มีเฉพาะเครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบเท่านั้น ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นจากการใช้เทอร์โบแปรผัน ทำให้มีการตอบสนองได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ ผนวกกับเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ที่เปลี่ยนทอร์คคอนเวอร์เตอร์ใหม่ ไม่มำคำว่ารออีกต่อไป เติมคันเร่งเมื่อไร รถพุ่งทยานไปเมื่อนั้น ซึ่งเป้นการพัฒนาที่ผู้ใช้จะสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์กันเลย
สำหรับห้องโดยสารนั้น กระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ ได้เปลี่ยนชุดคอนโซลทั้งหมด เพื่อให้ทันสมัยใช้งานได้ง่ายขึ้น สวยงามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้ใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาอีกมากมาย รวมทั้งจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ รองรับการเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย ถ้าจะบอกว่าแต่ละปุ่ม แต่ละสวิทช์ที่ติดตั้งเข้าไปนั้น ผ่านการวิเคราะห์จากนักออกแบบและวิศวกรอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงจุดต่างๆได้ง่ายๆ แทบจะไม่ต้องละสายตาจากถนน ความเงียบเป็นอีกประเด็นที่ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนยางแท่นเครื่องให้มีคุณสมบัติในการลดอาการสั่นและเสียงของเครื่องยนต์
ระบบกันสะเทือน เป็นอีกจุดที่รู้สึกได้ทันทีเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว และยิ่งเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น ผ่านเส้นทางในสภาพต่างๆ ทำให้เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะทั้งหนึบทั้งแน่น ผู้โดยสารไม่มีโดดไม่มีเด่งอีกต่อไป ทำให้สามารถใช้ความเร็วได้คงที่ ตลอดการเดินทาง
สุดท้ายของการทดลองขับ กระบะโคโลราโด รุ่นใหม่ เราพบกับสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่สะดวกต่อิการใช้งาน นั่นคือ ก้านปัดน้ำฝนและไฟเลี้ยว อยู่ห่านจากมือทั้ง 2 ข้างมากไปหน่อย (มือผู้เขียน) ทำให้เมื่อต้องการใช้งาน จะต้องยืดปลายนิ้วออกไปไกลมากจนเกือบจะสุดปลายมือ และดูเหมือนจะเป็นจุดเดียวนี่แหละครับ เมื่อเที่ยบกับความน่าพึงพอใจกับสมรรถนะและหน้าจากใหม่ของ กระบะโคโลราโด แล้ว คุ้มค่ากับการรอคอยมานานเหลือแค่เพียงราคาค่าตัวที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยเท่านั้นเอง
สุดท้ายต้องขอขอบคุณทีมงาน เชฟโรเล็ด (ประเทศไทย) และทีมงานทุกๆ ท่านที่ทำให้การทดลองขับในครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เร้าใจ
ข้อมูลและรายละเอียดของเชฟโรเลตโคโลราโด ไฮคันทรีรุ่นใหม่ล่าสุด
ภายนอก
- กระจังหน้า
- ไฟหน้า พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวันแบบแอลอีดี
- แผงกันชนหน้า
- ฝากระโปรง
- ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 18 นิ้ว
- สีตัวถังใหม่
- แผงกันกระแทกด้านหน้าใหม่
ภายใน
- คอนโซลกลางและคอนโซลหน้าใหม่
- มาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่พร้อมภาษาไทย
- ปรับตำแหน่งและการใช้งานสวิทช์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
- การออกแบบและจัดวางห้องโดยสารที่แข็งแกร่งและมั่นคง
- การตกแต่งแผงข้างประตู
- ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร
- ภายในห้องโดยสารมีความประณีตหรูหรามากขึ้น
- สีของเบาะหนังใหม่ Very dark atmosphere
สมรรถนะ
- เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผันเพื่อพละกำลัง แรงบิด และความประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น
- วัสดุดูดซับเสียงเพื่อลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน
แชสซีส์และการควบคุม
- ยางรองแท่นเครื่องยนต์แท่นเกียร์และยางรองตัวถังใหม่เพื่อลดเสียงรบกวนและ แรงสั่นสะเทือน
- ระบบช่วงล่างใหม่ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันและระบบป้องกันการลื่นไถลเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดให้มากขึ้นกว่าเดิม
- ยกระดับความสะดวกสบาย ความประณีตหรูหรา และความปลอดภัย
- เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และการยึดเกาะถนน
- ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมืองและขณะจอดรถ และปรับความหนืดตามความเร็วของรถลดอาการกินซ้ายกินขวาที่เกิดขึ้นจากความลาดเอียงของถนนและลดอาการสั่นสะเทือนที่พวงมาลัยที่อาจจะเกิดจากการถ่วงล้อไม่สมบูรณ์
คุณสมบัติพิเศษ ความปลอดภัย และความสะดวกสบาย
- รถกระบะรุ่นแรกในตลาดที่รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์
- รถกระบะรุ่นแรกในตลาดที่มีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท
- กระจกหน้าต่างคู่หน้าที่เลื่อนลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการปิดประตู
- เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน
- ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
- ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง
- กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะปรับทิศทางได้
- กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- ถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่า (สำหรับผู้ขับขี่)
- ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลัง
เครื่องยนต์
- ดูราแม็กซ์ รหัส XLDE25 LP2
- คอมมอนเรล เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์
- เครื่องยนต์บล็อก 4 สูบแถวเรียง เพลาลูกเบี้ยวคู่เหนือฝาสูบ 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
- ความจุ 2,499 ซีซี
- กระบอกสูบ-ช่วงชัก 92:94 มม.
- อัตราส่วนกำลังอัด 5:1
- ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร 4
- พละกำลัง 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที
- แรงบิด 440 นิวตันเมตร (45 กก.-ม.) ที่ 2,000 รอบต่อนาที
- น้ำหนักเครื่องยนต์ 239 กก.
ระบบส่งกำลัง
- อัตราทดเกียร์
1 | 4.06 |
2 | 2.37 |
3 | 1.55 |
4 | 1.16 |
5 | 0.85 |
6 | 0.67 |
เกียร์ถอยหลัง | 3.2 |
- อัตราทดเฟืองท้าย : 3.42
- อัตราทดเกียร์ถอยหลัง : 3.2
- อัตราทดเกียร์ส่งกำลัง : 2.62
ระบบกันสะเทือน
- ด้านหน้า: อิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและช็อกอัพแก๊ส
- ด้านหลัง: ลิฟสปริง แป้นรูปครึ่งวงรี และช็อกอัพแก๊ส
พวงมาลัย
- แร็กแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering)
เบรก
- ด้านหน้า: ดิสก์เบรก ขนาด 300 มม.พร้อมครีบระบายความร้อน
- ด้านหลัง: ดรัมเบรก ขนาด 295 มม.
- ขนาดหม้อลมเบรก5 นิ้ว
มิติตัวถังภายนอก
- ความยาว 5,408 มม. (พร้อมเหล็กกันชนหน้า)
- ความกว้าง 2,132 มม. (พร้อมกระจกมองข้างที่ขยายจนสุด)
- ความสูง 1,858 มม. (รวมราวหลังคา)
- ระยะโอเวอร์แฮงด้านหน้า 1,004 มม.
- ระยะโอเวอร์แฮงด้านหลัง 1,308 มม.
- ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 219 มม.
- มุมไต่ 5 องศา
- มุมจาก 3 องศา
- มุมข้าม 4 องศา
- ล้อและยาง 265/60 R 18
- น้ำหนักรถเปล่า 2062 กก.
- ขนาดกระบะหลัง ยาว 1484 มม. กว้าง 1534 มม. สูง 584 มม.
- น้ำหนักบรรทุกกระบะหลัง 1,003 กก.
- ศักยภาพการลากจูง 2,920 กก.
มิติภายในห้องโดยสาร
- ความยาว พื้นที่ช่วงขาด้านหน้า 1,049 มม.
- ความยาว พื้นที่ช่วงขาด้านหลัง 914 มม.
- ความสูง พื้นที่ศีรษะด้านหน้า 1,005 มม.
- ความกว้าง พื้นที่ช่วงไหล่ 1,458 มม.
- ความกว้าง พื้นที่สะโพก 1,401 มม.
- รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง
- ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร
ความปลอดภัย
- คานกันกระแทกด้านข้าง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน (PBA)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC)
- ระบบป้องกันการลื่นไถลทั้งขณะออกตัวและในโค้ง (TCS)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
- ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA)
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะลากจูง (TSC)
สวยงามสมการรอคอย