บนถนนที่วุ่นวายมักจะมีมุมสงบซ่อนอยู่เสมอ เช่นเดียวกับวันวุ่นวายบนถนนหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ แม้จะเป็นวันหยุด แต่ด้วยพลังแห่งศรัทธา ทำให้มีผู้คนจากทุกสารทิศเข้ามากราบไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อเสือไม่ขาดระยะ รวมทั้งที่วัดมหรรณพาราม ผู้คนหนาแน่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไร
“ร้านชา” ชื่อร้านง่ายๆ เข้าใจทันที คือจุดหมายของเราในวันนั้น เพราะหลังจากเดินท่องลานคนเมือง ถ่ายรูปเสาชิงช้า เดินไปชมแพร่งทั้ง 3 จนครบแล้ว เราก็มองหาร้านกาแฟเงียบๆ นั่งเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย เดินมาจนถึงหน้าวัดมหรรณฯ สายตาก็สะดุดเข้ากับป้ายร้านชาที่เด่นกับภาษาง่ายๆ “ร้านชา” ในอาคารเก่าแต่ปรับปรุงภายในขึ้นมาใหม่ใส่กระจกติดแอร์เย็นๆ กับมุมมองเก๋ๆ ช่วยให้มีแรงดึงดูดเราเข้าไปลอง
“วิ” มือชงประจำร้านเล่าให้เราฟังว่า ร้านชา เปิดมาได้เกือบจะครบ 1 ปีแล้ว ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว จะมีขาประจำอยู่ในระดับหนึ่ง จุดเด่นของร้านอยู่ที่ขนม Scone (สะ-โคน) ขนมจากอังกฤษที่กำลังมาแรงที่สุดในเวลานี้ โดยทางร้านจะอบขนมเองใหม่ๆ ร้อนๆ ชนิดวันต่อวันกันเลย หมดห่วงเรื่องของค้างแน่นอน นอกจากนั้นก็จะเป็น”ชา” ที่มีให้เลือกมากมายจากทั่วโลกที่บรรดาเพื่อนๆ หุ้นส่วน ต่างช่วยกันสรรหามาให้ ลูกค้าสามารถสั่งได้ทั้งแบบแก้วและแบบยกกา
เราถามถึงกาแฟบ้าง “วิ”บอกว่ากาแฟที่ร้านจะมีให้เลือกทั้งวิธีชง ชนิดกาแฟ แต่ที่จะต้องลองคือกาแฟ “PEABERRY”กาแฟเม็ดเดียวที่สั่งมาจากแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีทางภาคเหนือของไทย คั่วกลาง และถ้าคอกาแฟขนาดแท้ต้องชงแบบไซฟ่อน สัมผัสกลิ่นหอมละมุนได้อย่างเต็มที่
มาทั้งทีก็ต้องชิม Scone ที่เพิ่งออกจากเตาอบ รอให้คลายร้อนสักครู่ เสริฟพร้อมแยมสตรอเบอรี่ฝีมือทำเอง(อีกแล้ว) ไม่ถึงกับกรอบนอกนุ่มใน แต่มันใช่เลย ขนมคู่กับชาร้อนหอมๆ หรือจะเป็นกาแฟดำกรุ่นกลิ่นเฉพาะตัวจากการชง เท่านี้เวลาก็ล่วงเลยไปจนมืดค่ำไม่รู้ตัวแล้วครับ เสริมอีกนิด ทางร้านยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์ รวมทั้งพื้นที่ให้เช่าสำหรับการประชุมเล็ก
ราคาในแต่ละเมนูก็รับได้ไม่แรงครับ นั่งสบายๆ ไม่ถึงร้อยบาท กับชาหรือกาแฟหอมๆ บวกขนมอร่อยๆ อีก 1 ชิ้น เท่านี้ก็มีแรงออกไปเดินต่อแล้ว ไม่ต้องหาเบอร์โทรละครับ ไปเลยดีกว่า หาเสาชิงช้าเจอ หาศาลเจ้าพ่อเสือพบ เห็นวัดมหรรณฯ ก็ไม่ผิดร้านแน่นอนครับ
หมายเหตุ ร้านหยุดทุกวันจันทร์นะครับ
เห็นป้ายนี้ก็ใช่แล้วครับ ร้านชา
แต่งร้านเก๋ๆ นั่งสบายๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีลูกค้าหลายคนใช้เป็นที่ทำงาน