เชฟโรเลต เตรียมนำ อีเอ็น-วี และ มีเรย์ ที่สุดแห่งยานยนต์ต้นแบบออกแสดงเทคโนโลยีในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2011 ภายใต้แนวคิด ‘การขับเคลื่อนก้าวล้ำอนาคต’ (Further and Beyond the future) ให้สาธารณชนผู้เข้า ชมงานได้ร่วมก้าวสู่ศตวรรษที่สองของเชฟโรเลต ไปกับที่สุดแห่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยน แปลงโลกยานยนต์ ในอนาคต
มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวคิดหลักของบูธเชฟโรเลต ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2011 คือการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอันล้ำอนาคต ผ่านทางสอง ยาน ยนต์ต้นแบบ เชฟโรเลต มีเรย์ และอีเอ็น-วี ที่ไม่เพียงจะขับเคลื่อนด้วยพลังงาน ไฟฟ้า อันเป็นเทคโนโลยีแห่ง อนาคตที่เชฟโรเลต เป็นผู้บุกเบิกและพัฒนามาโดยตลอดแล้ว ยังสะท้อนถึงทิศทางการออกแบบ และเทคโนโลยี อื่นๆ ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์
“ในปีนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ ของเชฟ โรเลตแล้ว เรายังมองไปข้างหน้า เตรียมพร้อมในการก้าวสู่ศตวรรษที่สอง ด้วยเทคโนโลยี ขับเคลื่อนที่ล้ำอนาคต จะได้ร่วมสัมผัสกับยานยนต์ต้นแบบที่จะเปลี่ยนแปลงโลกยานยนต์ในอนาคตอย่างสิ้นเชิง” มร.ซาร่า กล่าว
ผู้เข้าชมบูธเชฟโรเลต ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2011 นี้ จะได้สัมผัสกับอีเอ็น-วี (Electric Networked- Vehicle) ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสองที่นั่ง ที่ได้รับการพัฒนาด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อลดข้อจำกัด ในการเดินทาง ลดปัญหาด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาความคับคั่งของการจราจร รวมถึงปัญหา ในการหาที่จอดรถ ปัญหาคุณภาพอากาศ และปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเมืองใหญ่ ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อให้ยานยนต์แต่ละคันสามารถสื่อสารระหว่างกัน พร้อมระบบเซนเซอร์ และกล้องถ่ายภาพ เคลื่อนไหว ที่ช่วยบอกระยะห่างระหว่างรถยนต์ เพื่อการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อสิ่งกีดขวาง และการเปลี่ยนแปลง ของสภาพการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยทั้งหมดนี้จะเป็นการเชื่อมต่อกัน ผ่านระบบจีพีเอส เป็นผลทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองอย่างอัตโนมัติ และปราศจากการควบคุมจากผู้ขับขี่
“อีเอ็น-วี เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่สามารถทำให้การขับขี่แบบอิสระไร้ผู้ขับขี่เป็นจริงขึ้นมาได้
ด้วยการคิดค้นเทคโนโลยีระบบการเตือนก่อนการออกตัวของรถยนต์ ระบบการค้นหามุมอับของสายตาขณะขับขี่ หรือ แม้แต่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ผนวกกับความสนุกสนานในการขับขี่ และการออกแบบที่มีสีสัน
ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวได้มีการนำไปใช้ในรถยนต์บางรุ่นของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ในปัจจุบันบ้างแล้ว” มร.ซาร่า กล่าว
สำหรับเชฟโรเลต มีเรย์ เป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ต้นแบบ แนวคิดหลักของการดีไซน์ ได้รับแรง บันดาลใจจากเครื่องบินรบ ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร จึงมีความโฉบเฉี่ยวตามหลักอากาศ พลศาสตร์ ตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และคาร์บอนไฟเบอร์เสริมโพลิเมอร์ ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และน้ำหนักเบา ปีก สปอยเลอร์หลังปรับระดับได้ เพิ่มแรงกดท้ายและช่วยควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ซึ่งถูกออกแบบ ให้มีฝาถังน้ำมัน และช่องชาร์จไฟติดตั้งอยู่ด้านล่างอย่างแนบเนียน โดยช่องชาร์จไฟมี มาตรวัดแสดงความจุแบตเตอรี่อยู่ด้วย
มีเรย์ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าต้นแบบ “มิด-อิเลกทริก” (mid-electric) ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15 กิโลวัตต์ จำนวน2 ตัว และใช้กำลังไฟจากแบตเตอรี่ลิเธียม- ไอออน ขนาด 1.6
กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟขณะเหยียบเบรก ให้อัตราเร่งที่คล่องแคล่ว และปราศจากมลพิษอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน มีเรย์ ยังสามารถเปลี่ยนจาก ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังได้อีกด้วย
“โรดสเตอร์ต้นแบบอย่างมีเรย์ จะนำเสนอแนวทางแห่งอนาคตของแบรนด์ ที่จะเชื่อมโยงผู้ขับขี่และตัวรถ ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น พร้อมกับการนำเสนอรูปลักษณ์อันสดใหม่ในแบบที่รถสปอร์ตควรจะเป็นในอนาคต” มร.ซาร่า กล่าว
พบกับที่สุดแห่งเทคโนโลยีอันก้าวล้ำอนาคตได้ในบูธเชฟโรเลต ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ได้ที่บูธ A04 ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคมนี้ ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี