ตั้งแต่ผู้เขียนเกิดมา เสียงครื่องบินมันก็ซึมซับเข้าไปในโสตประสาทจนรู้สึกเสมือนเสียงเพลงอันไพเราะ โตขึ้นมารู้ความ ในยุคสงครามเวียดนามใกล้จะสิ้นสุด มองขึ้นท้องฟ้าก็จะพบเห็นเครื่องบินบรรทุกน้ำมันปล่อยควันดำเป็นทางยาว หลังทะยานขึ้นจากสนามบินดอนเมือง เคยแม้กระทั่งเห็นเครื่องบินตกคาตา เพราะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องบิน ผู้เขียนจะวิ่งออกมานอกชานบ้านเพื่อจะมอง เปรียบว่าตัวเองกำลังนั่งบังคับอยู่ในห้องนักบิน ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นอย่างไร
เมื่อโตมากับเสียงและภาพของอากาศยาน ความอยากและความสนใจเครื่่องบินจึงมีมากมาย แต่ด้วยโอกาสและจังหวะที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่สามารถเข้าไปสู่แวดวงการบิน แม้แค่เส้นทางเข้าศึกษาต่อหรือเข้ารับราชการซึ่งดูจะเป็นเส้นทางลัดและประหยัดที่สุด ผู้เขียนเองก็ไม่สามารถเดินไปถึงได้ สุดท้ายจึงเลือกที่จะทำใจลืมความฝันของตัวเองที่จะขึ้นฟ้าในฐานะนักบิน จนเมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัสกับสถาบันแห่งหนึ่งที่ช่วยจุดประกายความฝันของผู้เขียนขึ้นมาอีกครั้ง ความสุขในใจที่ได้เข้าใกล้ ได้จับและนั่งในตำแหน่งนักบินของผู้เขียนก็เป็นจริงขึ้นมาได้ แม้จะอยู่บนพื้นดินเฉยๆ ก็ตาม
จากอดีตสู่ปัจจุบัน
ศูนย์ฝึกการบินพลเรือนในประเทศไทย(ศบท.) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พศ.2504 จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองทุนพิเศษ สหประชาชาติ(United Nations Special Fund: UNSF) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation OrganiZation: ICA O) และรัฐบาลไทย
จวบจนปัจจุบันนี้ ผ่านมา 50 ปี มีครูฝึกฝีมือดีมากมายสร้างนักบินเก่งๆให้กับสายการบินต่างๆ มานับไม่ถ้วน ปัจจุบันนี้ ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันการบินพลเรือน ใครที่ผ่านไปมาแถวกรมขนส่งคงจะคุ้นตากับเครื่องบินที่ตั้งโชว์อยู่หน้าอาคารอยู่แล้ว
สมัยก่อน นักเรียนการบิน จะฝึกบินอยู่ที่ดอนเมือง ทว่าในปัจจุบันได้ย้ายไปเรียนและฝึกกันที่สนามบิน “บ่อฝ้าย” จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นสนามบินที่ขึ้นชื่อในเรื่องบรรยากาศดี วิวทะเลสวยงาม
อาชีพ “นักบิน”ฝันที่ไม่ไกลเกินจริง
ฝันของผู้เขียนที่จะเป็นนักบิน จริงๆ แล้ว ถึงวันนี้ก็ยังสามารถทำได้ ถึงแม้จะผ่านมานานมากแล้ว และเชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านที่ฝันเช่นเดียวกัน หรือแม้แต่การส่งต่อความฝันให้กับเยาวชนรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะนอกจากจะได้บินขึ้นฟ้าอย่างที่ตั้งใจได้สำเร็จแล้ว คำว่า”นักบิน”ยังเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่อง เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
การจะเป็นนักบินได้นั้น สามารถเริ่มต้นได้หลายทาง แต่สำหรับอาชีพนักบินแล้ว สิ่งที่ควรจะเป็นคือ เรียนให้จบปริญญาตรี จะสาขาไหนก็ได้ จากนั้นไปทำการทดสอบสภาพร่างกายและจิตใจที่ศูนย์เวชศาสตร์การบิน รพ.ภูมิพลฯ ถ้าผ่าน ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางนักบินตามนี้ได้เลย
ระยะเวลาในการศํึกษาเพื่อเป็นนักบินพานิชย์ จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น จะใช้ชีวิตอยู่ที่ศูนย์ฝึกการบิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการเรียนภาคพื้นดิน การฝึกบินจากเครื่่องฝึกบินจำลอง และแน่นอนที่สุด การฝึกบินจากอากาศยานจริงๆ เมื่อจบหลักสูตรแล้ว จะได้รับการประดับปีก พร้อมใบอนุญาตินักบินพานิชย์ขั้นต้น คราวนี้ ก็สามารถประกอบอาชีพนักบินได้อย่างเต็มภาคภูมิ รวมถึงการสมัครเข้าเป็นนักบินในสายการบินอย่างการบินไทย แอร์เอเชีย (รับนักบินหญิง) หรือสายการบินอื่นๆ
แต่ถ้าหากจะตามฝันของเราโดยไม่ต้องคิดถึงอาชีพ การเรียนเพื่อเป็นนักบินส่วนบุคคล ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่ผ่านการทดสอบจากศูนย์เวชศาสตร์การบิน รพ.ภูมิพลฯ จากนั้นก็สมัครเรียนได้เลย ใช้ระยะเวลาเพียง 20 สัปดาห์ ก็จบออกมาบินเดี่ยว ได้แล้ว
หรือถ้าคิดว่าเครื่่องบินหาสนามขึ้นลงยาก ต้องใช้รันเวย์ยาวเป็นกิโล ก็สามารถเลือกที่จะฝึกบินเครื่่องบินปีกหมุน หรือเฮลิคอปเตอร์ได้เช่นกัน ระยะเวลาก็จะนานขึ้นอีกหน่อย
อาชีพนักบิน หรือ การจะขึ้นไปอยู่บนฟ้าในฐานะนักบิน ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมหรือเกินความฝันของเราแม้แต่น้อย ขอเพียงความตั้งใจและทุนทรัพย์สักเล็กน้อย เท่านี้ เราก็เติมความฝันให้เต็มได้แล้วครับ
สำหรับผู้ปกครองที่จะส่งลูกหลานเข้าไปเรียนเป็นนักบิน หรือตัวท่านเองที่จะเติมความฝันวัยเด็กให้เต็ม สามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.catc.or.th หรือสอบถามได้โดยตรงที่ สถาบันการบินพลเรื่อน 1032/355 แผนกประชาสัมพันธ์ อาคาร 1 ชั้น 1 ถนน พหลโยธิน แขวง จอมพล เขต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900โทร.022725741-4 โทรสาร 022725288
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการบิน เหมือนกับที่ผมได้รับ