Wednesday, September 27, 2023
Homeหาของแต่งรถโช้คอัพ (Shock Absorber)

โช้คอัพ (Shock Absorber)

โช้คอัพ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยรองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ และยังทำหน้าที่หน่วง การเคลื่อนที่ขึ้นลงของตัวถังรถยนต์ เพื่อให้ล้อรถสัมผัสกับผิวถนนตลอดเวลาขณะรถวิ่ง โช้คอัพเป็นอุปกรณ์ ไฮดรอลิคที่หน่วงการเคลื่อนที่ ขึ้น-ลง ของตัวรถยนต์โดยการควบคุมการยุบและการสั่นของสปริง หรือแหนบ โดยจะเปลี่ยนการสั่นสะเทือน จากพลังงานกล เป็นพลังงานความร้อน

หน้าที่ของโช้คอัพ
– ดูดซับการสั่นของสปริง ทำให้การเด้ง ขึ้น-ลง หรือการเต้นของตัวรถยนต์ ลดน้อยลง
– ทำให้การสั่น หรือการเต้นของน้ำหนัก ที่สปริงไม่ได้รองรับ เช่น ล้อ, เพลาล้อ, ตัวห้ามล้อ ฯลฯ ลดน้อยลง

ประโยชน์ของโช้คอัพ
– ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ – ทำให้เกิดความนิ่มนวลขณะขับขี่
– ความปลอดภัยของผู้ขับขี่ – รถทรงตัวดี, ลดการโคลงเคลงของตัวรถ
– ความประหยัด – ลดการสึกหรอของยาง, ระบบรองรับและระบบบังคับเลี้ยว

โช้คอัพ แบ่งตามสื่อการทำงานได้ 2 ระบบคือ
– โช้คอัพน้ำมัน โช้คอัพชนิดนี้ใช้น้ำมันไฮดรอลิคเป็นตัวทำงาน ให้เกิดความหนืดเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ทำงานน้ำมันไฮดรอลิค จะไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบ จึงทำให้เกิดฟองอากาศขึ้น ภายในน้ำมัน ไฮดรอลิค ฟองอากาศของน้ำมันจะทำให้โช้คอัพทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะกับรถที่ต้องใช้ความเร็วสูง เพราะถ้าฟองอากาศแตกจะทำให้โช้คอัพเกิดการขาดช่วงการทำงานในช่วงสั้นๆ
– โช้คอัพแก็ส คือ โช้คอัพที่อาศัยการทำงานร่วมกัน ระหว่างแก๊สไนโตรเจน และ น้ำมันไฮดรอลิค มีหลักการทำงานคือ เมื่อโช้คอัพได้รับแรงสะเทือนจากพื้นถนน ลูกสูบของโช้คอัพ จะเลื่อนตัวลงมาด้านล่าง ของกระบอกลูกสูบ ทำให้น้ำมันไฮดรอลิคที่บรรจุในกระบอกสูบ ไหลผ่านวาล์วขึ้นไปห้องน้ำมันด้านบน และน้ำมันอีกส่วนไหลผ่านวาลว์ ด้านล่างเข้าไปในห้องน้ำมันสำรอง ขณะเดียวกันน้ำมันในห้องน้ำมันสำรอง จะทำการอัดแก๊สไนโตรเจนให้เกิดแรงดัน เมื่อแก๊สมีแรงดัน ก็จะดันน้ำมันไฮโดรลิคที่อยู่ในห้องน้ำมันสำรอง กลับเข้าสู่กระบอกสูบดังเดิมโดยในขณะเดียวกัน แรงดันที่เกิดขึ้นก็จะทำให้ฟองอากาศแตกตัว

เปรียบเทียบระหว่างโช้คอัพแก๊สและโช้คอัพน้ำมัน โช้คอัพน้ำมัน โช้คอัพแก็ส
– ทำให้ขับขี่ได้ดีบนถนนทางเรียบ
– ใช้กับงานเบา หรือ รถที่ใช้งานน้อย
– ให้ความรู้สึกนุ่มนวลกว่าบนทางเรียบ
– หากน้ำมันถูกทำให้ร้อนมาก ประสิทธิภาพการดูดซับจะลดลง • สามารถขับขี่บนพื้นถนนที่ขรุขระ ถิ่นทุรกันดารได้ดีเยี่ยม
– สามารถใช้กับงานหนัก หรือ งานที่ต้องการความสมบุก สมบันในการขับขี่
– โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าน้ำมัน

อาการที่แสดงว่าควรเปลี่ยนโช้คอัพ
1. ลองกดรถยนต์ด้านหน้าแล้วปล่อย ถ้ารถยนต์มีอาการเด้งขึ้นลงหลายๆ ครั้งแสดงว่าโช้คอัพเสื่อม สภาพแล้ว โช้คอัพที่ดีเมื่อออกแรงกดจะยุบตัว และคืนตัวเป็นระดับปกติทันทีโดยไม่มีการเด้งขึ้น ลงหลายครั้ง
2. สังเกตรอยรั่วของน้ำมัน โดยตรวจเช็คบริเวณซีลโช้คอัพ ถ้ามีคราบน้ำมันเปรอะเปื้อน บริเวณแกน โช้คอัพ แสดงว่ามีการรั่วซึมเกิดขึ้น
3. ตัวโช้คอัพเกิดรอยบุบ มีการบิดเบี้ยวของกระบอกโช้ค หรือแกนโช้คมีอาการคดงอ
4. บริเวณหน้ายางของรถยนต์สึกไม่สม่ำเสมอเป็นบั้ง ทั้งที่ตั้งศูนย์ล้อถูกต้องแล้ว
5. หลังจากใช้งาน เมื่อจอดรถให้ใช้มือสอดเข้าไปสัมผัสกับกระบอกโช้คอัพทันที ถ้ากระบอกโช้คอัพมี ความร้อน แสดงว่าโช้คอัพยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ถ้าสัมผัสแล้วกระบอกโช้คอัพมีอุณหภูมิปกติ แสดงว่า โช้คอัพไม่มีการทำงาน
6. ขณะเริ่มออกตัวโดยใช้ความเร็วปกติ ถ้าหน้ารถเชิดขึ้น และขณะเบรกที่ความเร็วต่ำหน้ารถทิ่มลง แสดงว่าโช้คอัพเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว
7. มีอาการกระเด้งกระดอนขึ้นลง เมื่อรถวิ่งผ่านเนินเล็กๆ หรือคอสะพาน ขณะขับขี่นั้นมีความรู้สึกว่า รถยนต์สั่นไม่นิ่มนวล
8. เมื่อรถวิ่งความเร็วสูง (80กม./ชม.) เมื่อถูกลมปะทะด้านข้าง รถจะเสียการทรงตัวไปจากทิศเดิม มากผิดปกติ

สาเหตุที่โช้คอัพเสีย
1. การกระแทกอย่างรุนแรง เนื่องจากเมื่อโช้คอัพมีการแตกหรือรั่วซึม โช้คอัพจะไม่สามารถหน่วง การยืด หรือยุบตัวของสปริงได้ เมื่อล้อบดทับบนก้อนกรวดหรือตกหลุม สปริงจะมีการยุบ-ยืดตัว อย่างเต็มที่ จนสุดระยะยุบ เป็นผลให้เกิดการกระแทกของชิ้นส่วน
2. ควบคุมรถยาก เพราะโช้คอัพไม่สามารถควบคุมสปริงได้ ทำให้ช่วงล่างรถยนต์เต้น จนลอยจาก พื้นถนน ถ้าเกิดในขณะที่ขับรถเข้าโค้ง แม้ว่าโช้คอัพจะเสียเพียงข้างเดียว ผลที่เกิดขึ้นก็จะทำให้สมดุลการ ทรงตัวของรถทั้งคันเสียไป เป็นเหตุให้การใช้รถไม่ปลอดภัย
3. ยางสึกผิดปกติ เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าเกิดการผิดปกติที่โช้คอัพได้เช่นกัน โดยการสึกจาก โช้คอัพชำรุดยางจะมีลักษณะเป็นหลุมๆ สึกเป็นช่วง ๆ
4. สปริงทรุด การขืนใช้โช้คอัพที่ชำรุด จะทำให้ช่วงล่างทั้งระบบเกิดการสึกหรอตามกันไป โดยเฉพาะ สปริง เนื่องจากโช้คอัพไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติของสปริงได้

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อโช้คอัพ
– นอกจากยี่ห้อ ราคา ประเภทของโช้คอัพแล้ว ยังต้องคำนึงถึง “ช่วงชัก” หรือระยะการยืด-ยุบ ของตัว โช้คอัพ สิ่งต่อมาที่ต้องคำนึงถึง คือ ลักษณะของ “หูโช้ค” เพราะอาจมีเหมือนกันที่ซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้ เพราะ หูโช้คอัพคนละแบบกัน โดยหูโช้คอัพที่มีใช้กันอยู่จะมี 5 แบบ วิธีการที่ดีที่สุดคือการถอดเอาของเดิมไปเทียบ เพราะส่วนใหญ่แล้วหูโช้คอัพด้านบนกับด้านล่าง จะไม่เหมือนกัน
– โดยเฉพาะในช่วงล่างด้านหน้าของรถกระบะคือ “ความโตของกระบอกโช้คอัพ” เพราะรถกระบะ ส่วนใหญ่ใช้ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ โช้คอัพมักจะเสียบอยู่ระหว่างกลางปีกนกบน ถ้าเลือกโช้คอัพที่กระบอกใหญ่ เกินพอดี เวลาที่ปีกนกเคลื่อนที่ โช้คอัพจะเสียดสีหรือกระทบกระแทกกับปีกนก เป็นเหตุให้โช้คอัพทำงาน ไม่สมบูรณ์และชำรุดก่อนเวลาอันควร

ข้อมูลจาก www.b-quik.com

 

 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -




Most Popular

- Advertisment -




Recent Comments