ชาวคณะชวนกันไปชิม ของให้กำลังใจผู้ที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเวลานี้ และขอให้ทุกท่านผ่านพ้นเวลายากลำบากไปด้วยดีนะค่ะ เอาละวันนี้เราจะชวนกันไปชิมอาหารจีน อะอะอย่างเพิ่งเมินหน้าหนี เพราะอาหารจีนของที่นี่ไม่ได้มันกับเค็มอย่างที่เคยเจอกันมา แต่ที่เราจะพาไปนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวงการอาหารจีนของบ้านเราเชียวค่ะ พร้อมแล้วออกเดินทางไปยังโรงแรม Amari Watergate Bangkok ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหารจีน Heichinrou อันเลื่องชื่อไม่ต้องรอช้าหิวแล้ว จัดการสั่งตามเมนูได้เลย
เมนูที่เราจะพาไปลิ้มลองกันบ้างเมนูแรก ซดร้อนๆกับซุปเยื่อไผ่ น้ำใส คล่องคอ เพื่อเตรียมตัวรับของแรงที่จะมา จานต่อไปคือ เป็ดปักกิ่ง เสริฟมาเป็นชุด หนังเป็ดกรอบหอม ซอสเข้มข้น เคียงคู่มากับผักสด แผ่นแป้งไม่เหนียวหรือยุ่ย แต่ที่สำคัญเขาใช้แผ่นแป้งสดใหม่ทุกวัน จึงรับประกันไม่มีหืน คำแรกที่เข้าปาก สัมผัสได้ถึงความลงตัวระหว่างความกรุบกรอบของหนังเป็ดกับความนุ่มของแผ่นแป้ง อบอวลด้วยกลิ่นซอส ล้างคอด้วยชาจีนหรือน้ำเก็กฮวยร้อนๆ ก็เหมาะมากค่ะ
จานถัดมาจะเป็นซี่โครงหมูอบซอสส้ม จัดเป็นจานเด็ดเลยก็ว่าได้ ด้วยกลิ่นซอสที่หอมหวานตัดกับรสชาดของซี่โครงหมู ตัวซอสช่วยเพื่มความชุ่มฉ่ำในปาก ไม่เหนียวจนฟันโยก แต่ก็ไม่เปื่อยแบบหมูตุ๋น เรียกว่าเคี้ยวหนึบหนับกำลังดี จานนี้หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครยอมคุยเหมือนตอนที่เข้ามาช่วงแรกๆ อีกเลย
โปรตีนมาเยอะแล้ว ลองชิมผักกันดูสักจาน “คะน้าฮ่องกงผัดน้ำมันหอย” เป็นของอร่อยที่ปล่อยข้ามไปไม่ได้ ก้านคะน้าอวบขาวขนาดพอคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ผ่านกรรมวิธีลับเฉพาะของกุ๊กมือหนึ่ง ราดด้วยน้ำมันหอย หอมกรุ่น เคี้ยวกรอบๆ เพลินอารมณ์ ยังไม่ทันไร เนื้อเป็ดที่ถูกแยกออกมาถูกนำมาปรุงเป็น”เมี่ยง”จับคู่กับผักกาดแก้วสดกรอบ เพียงเท่านี้ก็สุดยอดแล้วค่ะ
ปิดท้ายด้วยข้าวผัดปู ที่ไม่ได้มาแค่ชื่อ เพราะเนื้อปูมาเป็นก้อนๆ เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว วันนั้น ชาวคณะเรา 3 คน อิ่มหนำสำราญกันทั่วหน้า เย็นวันนั้น คณะเรายังสั่งไวน์แดงมาคนละแก้ว แหม มันก็ต้องมีบ้างละน่า
ภัตตาคารอาหารจีน Heichinrou จะเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลาด้วยกันคือ มื้อกลางวัน เวลา 11:30-14:30 เย็นเวลา 18:00 ถึง 22:30 ของทุกวัน เอาละทราบเวลาแน่นอนแล้วก็นัดเวลาเดินทางกันได้เลยค่า