Friday, March 29, 2024

Homeไปไหนมาไปลองขับ New Honda Jazz ด้วยกัน

ไปลองขับ New Honda Jazz ด้วยกัน

หลังจากค่ายฮอนด้าปล่อย Jazz โฉมใหม่ออกมาให้ชาวประชาได้ชื่นชมสมกับที่รอคอยมานาน แล้วก็ถึงเวลาที่จะเปิดโอกาศให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ เพื่อให้ทราบถึงสมรรถนะและความสัมผัสกับตัวเป็นๆ กัน โดยทีมงานชาวฮอนด้าได้พาสื่อมวลชนไปยังพัทยา โดยเริ่มตันขับกันที่พัทยาเหนือ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดระยอง ระยะทางไม่มากไม่น้อย พอให้ได้สัมผัสกันโดยทั่วหน้า (ฉบับเต็มจะต้องรอรถที่เอามาทดสอบเดี่ยวกันครับ)

แวบแรกที่ได้เห็นหน้าตาของ Jazz อย่างใกล้ๆ นั้น ตัวผู้เขียนรู้สึกว่ารถเดียวนี้ทำไมตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ Jazz ที่จอดอยู่ตรงหน้า รูปทรงอวบใหญ่  ชุดไฟหน้ากับกระจังขนาดใหญ่ ทรงคล้ายกับรุ่นพี่อย่าง CR-V ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด หลังคาสูงมากนั่นเท่ากับภายในก็จะโล่งโปร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

เข้าไปนั่งประจำตำแหน่งผู้ขับขี่ ปิดประตู โหเสียงประตูตั้งมาได้อย่างไร ยังกับรถราคาล้าน เสียงแน่น ปิดง่ายไม่หนักแรง รวบรวมวมาธิเข้ามา เบาะนั่งปรับง่ายๆ ไม่กี่ตำแหน่งก็เข้าที่ นั่งสบายไม่อึดอัด พวงมาลัยยังไม่ทิ้งของเดิม ที่ได้มรดกมาจากรุ่นพี่ วงไม่ใหญ่จนเกินไป จับกระชับมือ พร้อมปุ่มมัลติฟังชั่นมาให้ใช้งานเพื่อความสะดวกปลอดภัย

หน้าปัทม์เรือนไมล์ให้ความเร็วรถมีขนาดใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง ซ้ายเป็นวัดรอบ ขวาเป็นเกจ์วัดค่าต่างๆ ที่จำเป็นระหว่างการขับขี่ คอนโซลออกแบบให้ดูเหมือนกับหุ้มด้วยหนัง ดูดีกว่าลายเรียบๆ เครื่องเสียงมาเต็ม (รุ่น TOP) โดยจะเป็นระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch : ติดตั้งระบบรวมชุดเครื่องเสียงที่จะแสดงผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการติดตั้งจากโรงงานในรถยนต์ขนาดนี้ โดยแจ๊ซ ใหม่ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีความล้ำสมัย โดยหน้าจอ LCD แบบสัมผัสจะถูกนำมาใช้ในการแสดงผลของระบบเครื่องเสียง รองรับ HondaLink Navigation Application  และสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน (เฉพาะรุ่น) ผ่าน Bluetooth, ช่องเชื่อมต่อ HDMI และ USB ได้

ห้องโดยสารกว้างและยาวขึ้น ผลมาจากการออกแบบใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้าย เน้นความสะดวกสบายนั่นเอง เบาะนั่งหลังสามารถพับปรับได้หลากหลายรูปแบบเพื่อสนองตอบการใช้งานได้อย่างเต็มที่

สตาร์ทเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่  4,700  รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเกียร์ CVT ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology  ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น พร้อมให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ทั้งยังตอบสนองทุกการขับขี่ได้อย่างสนุกมากขึ้น ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด(7-speed Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และรองรับพลังงานทางเลือก E85

เกียร์แบบ CVT รุ่นใหม่ พร้อม G-Design Shift : แจ๊ซ ใหม่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT รุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ที่ตอบสนองการใช้งานได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม

เราเข้าเกียร์ D พารถออกเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้ เมื่อวิ่งที่ความเร็วระดับหนึ่งสิ่งที่เราสัมผัสได้คือเสียงลมที่ปะทะกับกระจกหน้ารถ ทราบต่อมาว่าเป็นการออกแบบกระจกและขอบเสา A ใหม่เพื่อควบคุมทิศทางการใหล้ของน้ำฝน จึงทำให้มีผลกับเสียงลมเล็กน้อย

การความคุมรถทำได้ง่ายมาก พวงมาลัยเบามาก น่าจะถูกใจสาวๆ แม้ขณะที่เพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ พวงมาลัยก็ยังรู้สึกเบาแต่กลับไม่มีอาการวอกแวกให้เห็นแม้แต่น้อย

ช่วงล่างใหม่ของ Jazz ช่วยให้การขับขี่บนเส้นทางสายพัทยา – ระยอง เป็นไปอย่างราบลื่น แม้จะต้องเจอกับสภาพถนนแย่ๆ เป็นบางช่วง ก็ตามที ระบบช่วยเหลือต่างๆมีมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

ถึงจุดแวะพักและเปลี่ยนผู้ขับขี่ โดยผู้เขียนสลับมาอยู่ในตำแหน่งผู้โดยสาร ขอบอกว่าเมื่อเป็นคนขับว่าสบายแล้ว พอมาเป็นผู้โดยสารสะบายยิ่งกว่าครับ ด้วยความที่ห้องโดยสารกว้างมาก เพดานสูงมาก ทำให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายจริงๆ ครับ

จบทริปการลองขับ Jazz ใหม่ ด้วยความประทับใจในตัวรถพร้อมความรู้สึกประทับใจกันทั่วหน้า ซึ่งมีรถไม่มากนักที่จะมอบความรู้สึกแบบนี้ให้กับเราได้ ทำให้การขับขี่เป็นไปด้วยความสนุกตลอดเส้นทาง

ต้องขอขอบคุณทีมงาน ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ชวน www.autofreestyle.com ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์จริงกับ New Honda Jazz  ในครั้งนี้ครับ

 

ข้อมูลที่น่ารู้จากฮอนด้า

การพัฒนาของฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่

ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู โดยใน 2 เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา แจ๊ซได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลกในด้านความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ความประหยัดน้ำมัน และราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้  เช่นเดียวกับการสะท้อนถึงความหรูหรา การเลือกใช้วัสดุที่ดีในการตกแต่งห้องโดยสาร และความสนุกสนานในการขับขี่

แจ๊ซ ใหม่ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก ดังนี้

• ภาพรวมของตัวรถที่มีความโดดเด่น ถือเป็นความสำเร็จของฮอนด้า ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่นี้ให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและอเนกประสงค์ขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า โดยมีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารที่กว้างที่สุด เช่นเดียวกับพื้นที่ช่วงขาและพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน

• ความโดดเด่นในด้านความประหยัดน้ำมัน  แจ๊ซเจนเนอร์เรชั่นที่ 3 ได้รับการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแกร่งซึ่งจะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน ความสนุกสนานในการขับขี่ และความปลอดภัยกับทุกชีวิตที่อยู่ในห้องโดยสาร อีกสิ่งที่มีส่วนช่วยทำให้เกิดความสนุกสนานในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมันคือ เกียร์ที่ได้รับการพัฒนาซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด

• เทคโนโลยีที่ทันสมัยและฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมากมาย รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น หน้าจอแสดงผลที่มีความทันสมัย มาตรวัดเรืองแสงที่มีความชัดเจนและสามารถดูข้อมูลได้อย่างสะดวก อีกสิ่งที่ควบคู่กันไปคือ ควาสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ โดยมีช่องจ่ายไฟสำรองขนาด 12 โวลต์ และช่องเสียบ USB ติดตั้งมาให้ด้วย ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนเข้ากับตัวรถเพื่อการใช้งานกับ Display Audio System ได้อย่างง่ายดาย

ล้อ :  แจ๊ซ ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วที่ได้รับการออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวด้วยแนวเส้นตลอดทั้งวง พร้อมยางขนาด 185/55 R16 (รุ่น SV, SV+) ส่วนล้อขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V, V+ เป็นอัลลอย รุ่น S MT/AT เป็นล้อกระทะ) มาพร้อมกับยางขนาด 175/65 R15 (รุ่น S, V, V+) โดยยางอะไหล่จะมีความกระทัดรัดด้วยขนาด T135/80 D15 ซึ่งจะติดตั้งอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

จากแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร แบบ Futuristic Cockpit  จึงให้ความรู้สึกล้ำสมัย และสนุกสนานในการขับขี่ โดยการจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบทำให้ความยาวของตัวถังรถและฐานล้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ และมีพื้นที่โดยสารตอนหลังที่กว้างขึ้น ซึ่งฐานล้อที่ยาวขึ้นนี้ยังช่วยให้การยึดเกาะถนนเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากนี้ ห้องโดยสารที่มีความยาวเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถปรับพับเบาะแบบอัลตรา ซีทได้หลากหลายรูปแบบ และมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ตอบสนองการใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างสะดวกและง่ายดายง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

แผงหน้าปัด : แผงหน้าปัดและระบบควบคุมได้ถูกรวบรวมเอาไว้ในตำแหน่งเดียวกันเพื่อความสะดวกในการรับข้อมูลของผู้ขับขี่ และง่ายต่อการเข้าถึง มาตรวัดความเร็วมีขนาดใหญ่และถูกติดตั้งอยู่ตรงกลางแผงมาตรวัด รวมถึงมีการติดตั้งตัวแสดงผลของระบบ ECO Coaching ซึ่งจะแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันโดยวัดจากพฤติกรรมการเหยียบเบรกและคันเร่ง แสดงผลด้วยการเปลี่ยนสีมาตรวัดเรืองแสง (รุ่น V ขึ้นไป) ส่วนมาตรวัดรอบเครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ทางซ้ายและหน้าจอ MID อยู่ทางขวา ซึ่งตำแหน่งการจัดวางในลักษณะนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองดูข้อมูลที่มีความหลากหลายได้อย่างรวดเร็ว แผงหน้าปัดและหน้าจอแสดงผลจะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งก็รวมถึงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิภายนอก ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และตำแหน่งของเกียร์

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch : ติดตั้งระบบรวมชุดเครื่องเสียงที่จะแสดงผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการติดตั้งจากโรงงานในรถยนต์ขนาดนี้ โดยแจ๊ซ ใหม่ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีความล้ำสมัย โดยหน้าจอ LCD แบบสัมผัสจะถูกนำมาใช้ในการแสดงผลของระบบเครื่องเสียง รองรับ HondaLink Navigation Application  และสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน (เฉพาะรุ่น) ผ่าน Bluetooth, ช่องเชื่อมต่อ HDMI และ USB ได้

ระบบปรับอากาศที่ทันสมัย : มีให้เลือกทั้งระบบปรับอากาศแบบปรับด้วยมือและแบบอัตโนมัติ โดยแบบปรับด้วยมือจะได้รับการออกแบบใหม่ ปุ่มควบคุมมีการเปลี่ยนจากแบบบิดมาเป็นแบบหมุน ซึ่งมีรูปแบบการหมุนคล้ายกับเลนส์ของกล้อง ปุ่มหมุนจะเรืองแสงเมื่ออยู่ในเวลากลางคืน ส่วนระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติจะมาพร้อมกับแผลควบคุมแบบสัมผัสที่สามารถปรับอุณหภูมิและความแรงลมได้เพียงแค่ปลายนิ้ว (รุ่น V+ขึ้นไป)

• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-Speed Paddle Shift) (รุ่น SV และ SV+)

• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วคงที่เพียงแค่กดปุ่มที่อยู่บนพวงมาลัยโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้ ความเร็วของรถจะสามารถปรับลดหรือเพิ่มผ่านทางปุ่มที่มีเครื่องหมาย +/- (รุ่น SV และ SV+)

• สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัทพ์บนพวงมาลัย (Hands Free Telephone Switch) (รุ่น V+,SV และ SV+)

• สวิตซ์สั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri (Siri Eyes Free Mode Switch) (รุ่น V+,SV และ SV+)

ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่แรงเร้าใจของเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่  4,700  รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเกียร์ CVT ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology  ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น พร้อมให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ทั้งยังตอบสนองทุกการขับขี่ได้อย่างสนุกมากขึ้น ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด(7-speed Paddle Shift) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และรองรับพลังงานทางเลือก E85

เกียร์แบบ CVT รุ่นใหม่ พร้อม G-Design Shift : แจ๊ซ ใหม่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT รุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology โดยจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน อัตราทดเกียร์ที่อยู่ในช่วงกว้างจะช่วยทำให้การขับเคลื่อนมาพร้อมกับแรงบิดที่สูงในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง ดังนั้น จึงช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน ขณะเดียวกัน อัตราทดเกียร์ที่กว้างนี้ยังช่วยเพิ่มกำลังในช่วงเร่งเครื่องตอนออกตัวเมื่อทำงานร่วมกับ G-Design Shift ซึ่งเป็นระบบควบคุมการทำงานของเกียร์ ลิ้นปีกผีเสื้อ และการควบคุมระบบไฮดรอลิก ทำให้สามารถตอบสนองทันทีที่กดคันเร่ง และคงความยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดกำลังอย่างมั่นใจและต่อเนื่องในระหว่างที่กำลังเร่งเครื่องยนต์ เพื่อให้สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของการขับขี่ในสไตล์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง

แจ๊ซ ใหม่จะมีการติดตั้งระบบช่วยขับขี่ประหยัดน้ำมัน ECO Assist เพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการสังเกตไฟแสดงของระบบ ECO Coaching ที่จะสว่างขึ้นบนมาตรวัดความเร็ว และมีการแสดงผลตามสภาพการขับขี่ในขณะนั้น ระบบแชสซีส์ : แจ๊ซ ใหม่ มาพร้อมแชสซีส์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ทำให้พื้นตัวถังมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการติดตั้งจุดยึดระบบช่วงล่างที่มีความแข็งแกร่ง การออกแบบระบบกันสะเทือนด้านหน้าและหลังใหม่ การปรับเซ็ตช็อคอัพรวมถึงสปริง และการลดอาการ Unsprung weight ล้วนถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพในการขับขี่

ระบบกันสะเทือนหน้าใหม่มาพร้อมกับเหล็กกันโคลง :  ระบบช่วงล่างหน้าได้รับการออกแบบใหม่และปรับแต่งเพื่อปรับปรุงการดูดซับแรงกระแทกของช็อคอัพ โดยจุดเชื่อมใหม่ระหว่างระบบกันสะเทือนและเหล็กกันโคลงมีการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแนวราบ การทำงานของช็อคอัพในช่วงความเร็วสูงก็ได้รับการปรับปรุงด้วยการใช้วาล์วระบายแรงดัน เพื่อช่วยลดการสะเทือนในช่วงความเร็วสูง อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของน้ำมันที่อยู่ข้างใน ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบกันสะเทือนทำงานได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ล้อสัมผัสกับพื้นถนนอย่างเต็มที่แม้ว่าจะขับอยู่บนเส้นทางขรุขระ

ระบบช่วงล่างแบบทอร์ชั่นบีม :  สำหรับระบบช่วงล่างหลังได้รับการปรับปรุงมาเพื่อการทรงตัวในระหว่างขับขี่ ความสะดวกสบาย และลดน้ำหนัก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ของห้องโดยสาร โดยในระบบนี้มีการออกแบบและปรับค่าทางคณิตศาสตร์ของชิ้นส่วนในระบบ ซึ่งมีการนำแนวคิดของการแยกประเภทจุดยึดของตัวช็อคอัพ ทำให้ลดมุมในการยึดช็อคอัพ และมีการนำบุชแบบ Fluid Sealing Type มาใช้

ระบบบังคับเลี้ยวคุณภาพสูง พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ใหม่ : โดยแกนพวงมาลัยได้ถูกขยายขนาดขึ้นเพื่อปรับปรุงในส่วนของความแข็งแกร่งของตัวรถ และประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ส่วนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า หรือ EPS จะมีการปรับอัตราทดพวงมาลัยให้สูงขึ้น ทำให้การตอบสนองมีความรวดเร็วขึ้นเมื่อขับขี่ในแบบสปอร์ต

ประสิทธิภาพในการลดเสียงและการสั่นสะเทือน :  แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างตัวถังและระบบกันสะเทือนใหม่ ซึ่งช่วยในเรื่องของการสกัดกั้นเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ถูกส่งมาจากถนน โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและการปรับปรุงโครงสร้างของระบบช่วงล่าง จะช่วยลดอาการรับแรงสะเทือนเมื่อขับอยู่บนถนนขรุขระ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สปริง ช็อคอัพ และตัวบุชของจุดยึดได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้ตัวรถสามารถขับบนเส้นทางที่มีพื้นผิวถนนที่หลากหลายโดยที่ไม่ส่งผลต่อความนุ่มนวลในการขับ

แจ๊ซ ใหม่ มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ให้ความมั่นใจตลอดการเดินทางด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยของรถระดับพรีเมียม อาทิ ถุงลม 6 ตำแหน่ง และกล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ

 

ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) : ระบบป้องกันล้อล็อกถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อล็อกในระหว่างที่มีการเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรกถูกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก

ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) : จะไม่พองตัวเมื่อชนจากทางด้านข้าง หรือด้านท้าย แต่จะมีการพองตัวเมื่อมีการชนทางด้านหน้าในระดับที่รุนแรงพอเท่านั้น ถุงลม SRS ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยในการปกป้อง ดังนั้นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารทุกคนที่อยู่ในรถยนต์จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยในขณะที่กำลังขับขี่

ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags) : ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ ด้านคนขับจะมีการพองตัวเป็นระดับที่ต่อเนื่อง ส่วนทางผู้โดยสารด้านหน้าจะเป็นแบบ SRS และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ELR พร้อมระบบดึงกลับแบบอัตโนมัติ และระบบผ่อนแรง

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) : เมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก โดยการทำงานจะอาศัยหน้าที่ในระบบการทรงตัว VSA เข้ามาควบคุมการรักษาแรงดันของน้ำมันเบรกเอาไว้ ทำให้รถสามารถหยุดนิ่งในตำแหน่งเดิมได้ประมาณ 1 วินาที ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้าจากเบรกมาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น

สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) : สัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง

ระบบกล้องมองหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ : ตัวกล้องจะแสดงภาพทางมุมมองจากด้านบน มุมกล้อง130° หรือมุมกล้อง180° ในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง (รุ่น V+ขึ้นไป)

แจ๊ซ ใหม่ ได้รับการออกแบบให้ตอบรับทุกการใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งแบบอัลตรา ซีท เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระให้มีขนาดใหญ่และยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่

• Utility Mode : พับเบาะด้านหลังหลังทั้งสองด้าน เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง  906 ลิตร

• Long Mode : พับเบาะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวได้ถึง 2,480 มม.

• Tall Mode : พับเบาะด้านหลังขึ้น ขยายเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูงได้ถึง 1,280 มม.

• Refresh Mode : พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบาย

ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีให้เลือก 6 รุ่น ได้แก่ รุ่น S MT, S AT, V, V+, SV และรุ่น SV+ ส่วนภายในห้องโดยสารทุกรุ่นเป็นสีดำ  รุ่น S, V และ V+เป็นเบาะผ้าสีดำและรุ่น SV และ SV+เป็นสีดำเบาะผ้าแบบสปอร์ต

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/jazz

 

 

 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -




Most Popular

- Advertisment -




Recent Comments