หลังจากงานเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกไปไม่นาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ ซึ่งรถที่นำมาให้จะเป็นรุ่น “ออนิว ไทรตั้น 4 ประตู พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์ออโต้” จากภาพจำในงานเปิดตัว รถดูตันๆ อาจะด้วยแสงที่ไม่ชัดเจนและความตื่นเต้นที่ได้เข้างานใหญ่ระดบโลก ทำให้ยังเข้าไม่ถึงตัวรถสักเท่าไร
ก่อนจะได้ลองขับ รับฟังรายละเอียดของตัวรถกันอีกสักรอบ ทั้งการออกแบบ การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ชัสซีย์ที่เบา แต่แข็งแกร่งขึ้น เครื่องยนต์ใหม่ ให้พละกำลังสูงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าเดิม
วงเลี้ยวแคบกว่าเดิม รวมถึงระบบกันสะเทือนที่รองรับการกระแทกได้ดีขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมทั้งระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบแน่นๆ(มีอีกหลายระบบที่ยังไม่มีมา ต้องรอรุ่น 4×4 ที่กำลังจะตามมาภายหลัง)
ฟังบรรยายจบ ทั้งตัวรถ และเส้นทาง เราก็ลงมาพบกับไทรตั้นตัวเป็นๆ บอกเลยว่า การพบกันครั้งนี้ประทับใจยิ่งกว่าครั้งวันเปิดตัว ได้ลูบคลำ สัมผัสวัสดุ ความเนียนของชิ้นงาน และเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร สิ่งที่เรารู้สึกได้คือ ความแน่น กระชับของเบาะและการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ พวงมาลัยจับกระชับมือ มองรอบๆตัว ความสูงของเบาะรวมทั้งกระจกบานใหญ่ ให้ทัศนวิสัยรอบคันได้ชัดเจน
ถึงเวลาเดินทาง Mitsubishi Triton Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง คือรุ่นที่ทาง มิตซูบิชิ เตรียมให้สื่อได้ลองขับ ในวันนั้น โดยก่อนจะออกเดินทาง ผู้บริหารและวิศวกรก็ได้มาเล่าให้ฟังถึงการพัฒนาต่างๆ ของตัวรถ เนื่องจากเป็นรถที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดอย่างแท้จริง แชสซีเปลี่ยนใหม่ ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่ง แต่น้ำหนักลดลง (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และยังมีการย้ายจุดยึดปีกนกมาอยู่ด้านบน ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อน
หัวใจของรถกระบะคือเครื่องยนต์ Triton ใหม่ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ Hyper Powor ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วขึ้น เพราะได้ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอลเรล เจนเนอเรชั่น 4.5 ที่มีแรงดันสูงขึ้น ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ละเอียด มาพร้อมกับเทอร์โบแปรผัน VG เทอร์โบ ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้าที่/3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2250-2500 รอบต่อนาทีแรงต่อเนื่องตลอดการเดินทาง เสียงเครื่องยนต์ครางเบาๆ และเงียบหายไปเมื่อปิดประตูครบทุกบาน เหลือเชื่อกันเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 184 แรงม้าที่จะทำงานได้เงียบมาก แต่มารู้สึกไม่ชอบใจตรงคันเกียร์ที่เวลาดึงเข้าตำแหน่ง D จะมีอาการหนืดๆ (เปินอาการประจำตัวของรุ่นพี่ที่ผ่านมา) แต่น่าจะเป็นความรู้สึกเดียวที่ไม่ค่อยชอบ เพราะหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ความราบรื่นของการเปลี่ยนเกียร์ เครื่องยนต์รอบต่ำ ช่วงล่างที่นุ่มหนึบ ก็เข้ามาสร้างความพึงพอใจให้ทันที
เส้นทางที่ทีมงานได้วางเอาไว้ ทำให้เราได้ลองกับสภาพถนนในเกือบทุกรูปแบบ และที่ต้องยอมคือ วงเลี้ยวที่แคบมาก (สำหรับรถกระบะ) การเลี้ยวกลับรถทำได้อย่างคล่องตัว
บ่ายเข้าค่าย อดิศร
ช่วงบ่าย ทีมได้จัดให้สื่อได้ทดลองขับในเส้นทางปิดที่อยู่ในค่ายอดิศร โดยดัดแปลงสนามฝึกซ้อมของรถหุ้มเกราะนั่นเอง ในสนามทดสอบที่มีพิื้นผิวเป็นลูกรัง ลื่น เราจะได้ลองระบบช่วยต่างๆที่ติดตั้งมาให้ และที่สำคัญ เราได้รู้ว่าทางเนินชันนั้น รถขับเคลื่อน 2 ล้อจะสามารถขึ้นได้ไหม…?
เปิดเกมส์ด้วยอัตราเร่งเพื่อดูการทรงตัวและการควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถไม่เสียอาการ รวมถึงพื้นผิวที่เป็นหลุม ไทรตั้น ใหม่ก็ยังเอาอยู่ เส้นทางทดสอบบังคับให้เราวิ่งมาถึงจุดไฮไลต์ นั่นคือเนินชันที่เป็นลูกรัง เจ้าหน้าที่ให้เราเข้าเกียร์ D ปกติเหมือนขับธรรมดา จับพวงมาลัยให้ตรง แล้วก็ค่อยๆขึ้นไป ไม่ลื่นไม่ติดไม่ต้องลุ้น เราก็ผ่านเนินนั้นมาได้ จากนั้นก็ไปลองในเส้นทางโค้งที่เขาให้วิ่งวนเป็นเลข 8 ใช้ความเร็วในระดับที่กำหนดไว้ ที่เหลือคือการคุมทิศทางให้ไปตามกำหนดรอบทดสอบไม่เกิน 15 นาที แม้จะอาจจะยังไม่รู้สึกถึงรายละเอียดมากนัก ทว่าความรู้สึกที่ได้รับหลังจบการทดลองขับก็บอกให้เราได้ “ออนิว ไทรตั้น 4 ประตู พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์ออโต้” คันนี้ มีศักยภาพเพียงพอที่จะพาเราเดินทางไปได้ในระดับน่าพอใจ

และด้วยทริปเดินทาง 1 วันเต็มกับไทรตั้น ใหม่ ก็ช่วยปรับมุมมองและสร้างการรับรู้ให้กับตัวเราได้เห็นและเข้าใจได้มากขึ้น เปิดใจกว้างยอมรับมากขึ้น และที่สำคัญ คือ เราได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของชาวมิตซูบิชิ มอเตอร์ ทุกคนที่ใส่ลงไปใน ออนิว ไทรตั้น ครั้งนี้
คงต้อรอให้ได้รถมาลองขับแบบจริงจังอีกครั้งละครับ เพื่อจะได้ไปในที่ต่างๆ เรียนรู้ และทำความเข้าใจให้มากขึ้น สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย และทีมงานทุกท่านที่ให้โอกาส AutoFreeStyle ได้เข้าร่วมให้การลองขับในทริปนี้