บริษัทฮอนด้า ประเทศไทย ได้เปิดตัวสุดยอดนวตกรรมยานยนต์ Honda Accord Hybrid ที่ได้รับการยกย่องว่า มีเทคโนโลยีสูงที่สุด มีประสิทธิภาพและสมรรถนะเหนือชั้น ทั้งความสะดวกสบาย และอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
และเมื่อไม่นานมานี้ ฮอนด้าก็ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบรถยนต์ Honda Accord Hybrid ขึ้น ซึ่ง www.autofreestyle.com ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เปิดประตูสู่โลกเทคโนโลยี
ที่จอดเรียงรายอยู่ตรงหน้านั้น คือ Accord Hybrid และ Accord Hybrid TECH ที่เตรียมไว้ให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ ซึ่งจะใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางที่เราขับก็ประมาณเกือบๆ 3 ร้อยกิโลเมตร ทุกคันน้ำมันเต็มถัง เมื่อพร้อม การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นในระหว่างการเดินทางฝ่าการจราจรของ กทม. เราลองมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี ที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดกันดูสักหน่อยครับ
หัวใจของรถรุ่นนี้อยู่ที่ระบบการจัดการเรื่องพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน รุ่นใหม่ล่าสุด
ระบบการชาร์จกระแสไฟฟ้าในระหว่างการเบรค
การชาร์จไฟเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ระหว่างการเบรคจะเกิดขึ้นทันทีในจังหวะที่ระบบรับรู้ว่า ผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากคันเร่ง ระบบจะยิ่งทำหน้าที่ได้อย่างดีและเต็มที่เมื่อแป้นเบรคถูกกดลงอย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จไฟอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้การขับขี่ทั่วไป ซึ่งผู้ขับขี่ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความแม่นยำในการเบรคและตอบสนองในแง่ความรู้สึกได้อย่างดีเยี่ยม
ระบบ Sport Hybrid i-MMD เป็นระบบไฮบริดแบบอัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ได้ถึง 3 โหมด ดังนี้
- โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และให้ความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง
- โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็ว ที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
- โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อคอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ ซึ่งเหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่
การปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะมีการสลับการทำงานไปมาอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับรูปแบบการขับขี่ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 23.6 กิโลเมตร/ลิตร*
เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า หรือ E-CVT ซึ่งจะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว ประสานการทำงานโดย IPU ทำให้ E-CVT ตอบสนองการทำงานด้วยความนุ่มนวล และมีการหมุนในระบบที่สอดคล้องกับการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ด้วยรอบเครื่องยนต์ต่ำ
ระบบ E-CVT จะใช้มอเตอร์ 2 ตัวในการขับเคลื่อนตัวรถ และสร้างกำลัง ด้วยกลไกที่แตกต่างจากระบบ CVT แบบเดิมๆ ทำให้ E-CVT สามารถควบคุมการหมุนการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับการทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองต่อการขับเคลื่อนในการขับแต่ละโหมดได้รวดเร็วขึ้น
เมื่อเข้าสู่ช่วงความเร็วสูงคงที่ ซึ่งเป็นช่วงเครื่องยนต์เกิดการใช้งานประสิทธิภาพสูง ชุดล็อคอัพคลัตช์ ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ใน E-CVT จะถูกเชื่อมต่อการทำงานเพื่อส่งแรงบิดของเครื่องยนต์เข้าสู่ล้อขับเคลื่อนโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เมื่ออยู่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)
การชาร์จไฟในระหว่างการเบรคหรือชะลอความเร็ว ชุดล็อคอัพคลัตช์จะไม่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์โดยตรงทำให้ไม่สูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน
E-CVT ในโหมดการขับแบบอัตโนมัติ ตำแหน่งเกียร์ D จะผสมผสานการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการทำงานที่นุ่มนวลและตอบสนองได้รวดเร็วตามต้องการ เพื่อรองรับสถานการณ์ส่วนใหญ่ในการขับขี่
และเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง B ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำหน้าที่ช่วยเบรกด้วยมอเตอร์ และจะทำการชาร์จไฟเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นุ่ม หนึบ แรง
การเดินทางตลอดระยะเวลากว่า 5 ชม กับระยะทางเกือบๆ 3 ร้อยกม.ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่รู้สึก ผลจากความเงียบของห้องโดยสาร การทำงานผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์ ระดับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดระยะทาง ที่ความเร็วเดินทางเรื่อยๆ ไม่เกิน 120 กม/ชม ตัวเลขโชว์อยู่ที่ ประมาณ 17 กม/ลิตร (น่าจะเป็นเพราะสภาพการจราจรที่ต้องมีการออกตัวและเร่งแซงกันอยู่บ่อยครั้ง) การเดินทางสิ้นสุดลงที่ โรงแรม เชอร์ราตัน ปราณบุรีพร้อมห้องพักที่แสนสบาย วันรุ่งขึ้น การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทำให้เราได้มีโอกาสสำรวจรายละเอียดของรถได้มากขึ้น ทั้งระบบช่วยเหลือต่างๆ ระบบความปลอดภัย รวมถึงระบบช่วยในการเดินทางที่ติดตั้งมาให้มากมาย
สรุปการเดินทางของทริปนี้ ทำให้เราได้พิสูจน์ถึงคำว่า เหนือชั้น ได้จากเทคโนโลยีของ Honda Accord Hybrid ว่าแรงจริง ประหยัดจริง และปลอดภัยจริง
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับ Honda Accord Hybrid ครับผม