Tuesday, February 11, 2025
HomeไปไหนมาHonda Brio Amaze กับภาระกิจลอยกระทง 3 จังหวัด 2 พัน กม. 1 การเดินทาง

Honda Brio Amaze กับภาระกิจลอยกระทง 3 จังหวัด 2 พัน กม. 1 การเดินทาง

มีหลายคนถามมากมายถึงรถเล็กๆ จะสามารถเดินทางไกลๆ ขึ้นเขาลงห้วยไหวไหม ขับไกลๆ จะเป็นอย่างไร สู้ลม สวนรถใหญ่ไหวไหม หลายหลายคำถามเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะรถขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประหยัดทั้งราคาทั้งเชื้อเพลิง การเดินทางของเราจึงเริ่มขึ้น เพื่อหาคำตอบให้กับรถเล็กๆ คันหนึ่ง Honda Brio Amaze บนเส้นทางกรุงเทพฯ น่าน เชียงราย เชียงใหม่ กรุงเทพ ฯ รวมระยะทางมากกว่า 2 พัน กม.

ก้าวแรกกับการฝ่าสายฝน

การเดินทางเราเริ่มตั้งแต่เช้า เพื่อให้สามารถไปถึงจังหวัดน่านได้ก่อนมืดค่ำ เส้นทางธรรมดาๆ ตามที่คนทั่วไปเขาใช้กัน จาก กทม เข้านครสวรรค์ เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปยังจังหวัดพิษณุโลก ระดับความเร็วก็ไม่มากเท่าไร ยืนพื้นไม่เกิน 120 กม/ชม. ตัวเลขโชว์ให้เห็นถึงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18 กม/ลิตร ตลอดทางก็ต้องฝ่าสายฝนที่พรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย แม้จะไม่หนัก แต่ก็สร้างความลำบากในการเดินทางได้ระดับหนึ่ง

กว่าเราจะเข้าุถีงตัวจังหวัดน่านได้ ฟ้าก็มืดลงเสียแล้ว การเดินทางบนเขา คดเคี้ยว ยิ่งทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก แต่ทั้งรถและคนก็ฝ่าฟันผ่านมาจนได้ ทำให้เราเข้าจังหวัดน่านจริงๆ ที่ประมาณ 2 ทุ่มเข้าไปแล้ว ทานอาหารและเข้าพักในโรงแรมที่อยู่ในตัวเมือง เพื่อความสะดวกในภาระกิจสำหรับวันรุ่งขึ้นนั่นเอง

 

วันที่สอง Full Moon Day

เช้าวันที่สองของการเดินทาง เราได้พบกับเพื่อนที่ลงหลักปักฐานอยู่ที่น่านมาเป็นไกด์ พาเที่ยว ซึ่งกำหนดการก็ไม่มีไรมาก เช้าไปไหว้พระที่วัดภุมินทร์ ไปชมภาพวาดฝาผนังที่ดังที่สุดในโลก จากนั้นก็เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวโดยจะต้องมีระยะทางไม่ไกลมาก เพื่อที่จะได้กลับมาร่วมเทศกาลลอยกระทงได้ในเวลาอันควร

“บ่อเกลือ และ ดอยภูคา”  เป็นจุดหมายที่เรากำหนด ด้วยเหตุผลเดียวคือ ระยะทางไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เส้นทางของเรา แน่นอนว่าต้องฝากให้เจ้าถิ่นเขาเป็นผู้ขับ เพื่อจะได้สะดวกไม่ต้องคอยบอกทาง เมื่อรถเริ่มออกนอกตัวเมือง เส้นทางก็เริ่มคดเคี้ยว และสูงชันขี้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับรถที่เราขับแม้แต่น้อย ด้วยเครื่องยนต์แค่พันสอง แต่สามารถเร่งส่งขึ้นทางลาดชันได้อย่างสบายๆ แถวเวลาขาลง เกียร์ CVT ยังได้โปรแกรมไว้ให้มีอาการดึง เพื่อช่วยในการชลอความเร็วของรถ ซึ่งสามารถช่วยให้เราลดการเหยียบเบรคไปได้มากทีเดียว ก่อนจะถึง “บ่อเกลือ” เราได้แวะเข้าไปชม “พระตำหนักภูฟ้า” พระตำหนักหลังนี้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่มมราษฎร ณ บ่อเกลือสินเธาว์ โดยเป็นพระตำหนักแบบทางเหนือและภายในพระตำหนักยังมีศูนย์ศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเวดล้อมภูฟ้า หรือ “ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา” อยู่ด้วย ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี2542 เพื่อเป็นสถานที่ในการถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ ให้แก่เด็ก เยาวชน เกษตรกร และประชาชนทั่วไปที่มาเที่ยวและเยี่ยมชมศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ภายในศูนย์ภูฟ้าฯ มีสิ่งที่ให้เที่ยวชมและศึกษาหาความรู้มากมาย อาทิ มีห้องนิทรรศการหมุนเวียน ห้องสมุด มีอาคารแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาคารแปรรูปชาอูหลงและมีให้ทดลองชิมด้วย มีการปลูกพืชไร่ดินแบบไฮโดรโปนิกส์ มีเส้นทางการศึกษาธรรมชาติให้เดินเที่ยว มีสวนธรรมภูฟ้า ศูนย์วัฒนธรรมภูฟ้า มีร้านค้าสวัสดิการที่นำสินค้าของทางการโครงที่เป็นฝีมือชาวบ้านนำมาจัดจำหน่ายให้เลือกซื้อกันมากมาย และมีพระตำหนักภูฟ้าที่สวยงามซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ขณะเสด็จมาทรงงานที่ศูนย์ภูฟ้าฯ (วิกิพิเดี่ย)

เราจากพระตำหนักภูฟ้ามาพร้อมความประทับใจ จากนั้น ก็เดินทางต่อไปยัง”บ่อเกลือ” ในระหว่างเส้นทางเราได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ชีวิตผู้คนชาวน่าน อยู่กันแบบสบายๆ ทิวทัศน์สวยงามซะจนรู้สึกว่า ตึกสูงๆ ในกรุงเทพฯ สู้ภูเขาเตี้ยๆ ที่นี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แค่ชั่วความคิด เราก็เข้ามาจอดรถในหมู่บ้านเล็กๆ อันเป็นที่ตั้งของบ่อเกลือ สินเธาว์ โบราญ ซึ่งในสมัยก่อนถือเป็นสิ่งล้ำค่ามาก ในปัจจุบันนี้ ความสำคัญลดลงเหลือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เกลือที่ได้จะมีการผสมไอโอดีนลงไปเพื่อให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับเกลือทะเล วันที่เราไป ค่อนข้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น สำหรับบ่อเกลือนั้น จะมี 2 บ่อนะครับ เป็นบ่อเก่ากับบ่อใหม่ ไปแวะเวียนถ่ายภาพสวยๆ กันได้ อย่าลืมอุดหนุนไข่ต้มน้ำเกลือด้วยนะครับ อร่อยมากๆ

หลังจากเติมพลังกันแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังดอยภูคา ซึ่งเป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด Brio Amaze พาเราขึ้นเขาลัดเลาะไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว และสูงชัน ฝ่าหมอกเมฆไปได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยความที่ตัวรถมีน้ำหนักเบาจึงช่วยลดผลกระทบจากแรงเหวี่ยงได้มาก บังคับได้ง่ายไม่เหนื่อย ไม่หนักแรง

และเช่นเดิม เราต่างก็เพลิดเพลินไปกับภาพธรรมชาติที่สวยงาม แวะถ่ายภาพบ้างไรบ้างก็มาถึงต้น “ชมพูภูคา” ซึ่งกำลังเริ่มออกดอกตูมๆ  เท่านั้น จึงได้แค่ลงไปชมให้เห็นกับตาว่านี่คือต้นชมพูภูคา ที่เราจะต้องกลับมาชมตอนดอกบานให้ได้  พักชื่นชมกับสายหมอกและความเย็นกันสักครู่ เราก็มานั่งจิบกาแฟร้อนที่ลานดูดาวกันสักครู่ ดื่มด่ำกับสายหมอกเบาๆ ที่หอบเอาความเย็นและละอองน้ำมาปะทะใบหน้าให้เรารู้สึกไม่อยากเดินทางต่อเลยจริงๆ

 

“ค่ำคืนบนลานวัด” ไม่ผิดครับ เพราะเย็นๆ หลังจากเดินทางกันมาตลอดวัน เราก็มานั่งทาน “ขันโตก” กันที่ลานหน้าวัดภูมินทร์ อากาศเย็นๆ มองโคมลอยที่กำลังลอยขึ้นฟ้าอย่างอ้อยอิ่ง เคล้าด้วยเสียงประทัดและดอกไม้ไปดังมาไกลๆ อาหารง่ายๆ ข้าวเหนียว ไส้อั่ว แกงฮังเล กับแคบหมู เท่านี้ก็สยบให้เราทั้ง 4 คนถึงกับลุกแทบไม่ขึ้น จากนั้นเจ้าบ้านก็พาเราไปร่วมประเพณีลอยกระทงที่ริมน้ำน่าน ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงรายแต่เช้า

Honda Brio Amaze จากกรุงเทพฯมาน่านขับขึ้นเขาไต่ดอย มา 2 วัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยก็ยังอยู่ที่ 18 กม./ลิตร ยังเหลือระยะทางอีกมากที่จะต้องเดินทาง ขอพักเอาแรงก่อนนะครับ แล้วค่อยมาดูว่าไปเชียงรายจะได้เจออะไรกันบ้าง สวัสดีครับ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -









- Advertisment -