ปี 2023 น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการถกเถียงกันระหว่าง รถไฟฟ้ากับรถสันดาปภายในว่าใครจะคุ้มค่ากว่ากัน รถไฟฟ้าก็ว่าตัวเองประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่ายต่อการเดินทางแต่ละครั้งถูกมากเมื่อเที่ยบกับรถที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งก็จริง ทว่าข้อจำกัดของการเดินทางที่ยังต้องพึ่งพาการชาร์จพลังงานในทุกระยะทาง 200-300 กม. ใช้เวลาแต่ละจุดมากกว่า 40 นาที
แน่ละเมื่อยังไม่มีใครได้เปรียบอย่างชัดเจน เราลองหันมามองรถที่ผสานเทคโนโลยีทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นที่ความประหยัดเชื้อเพลิง และการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัดจากการชาร์จพลังงาน
Honda CR-V e:HEV นับเป็นตัวเลือกในกลุมรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สดใหม่ และอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ระบุไว้ถึง 20.8 กม./ลิตรกันเลยทีเดียว
เดียวๆ แล้วเจ้า e:HEV” คืออะไร…มันคือระบบไฮบริดที่นำมอเตอร์ไฟฟ้ามาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์นั่นเองครับ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆตามนี้
e:HEV Powerful Hybrid ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD เป็นระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion) ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ตั้งแต่การออกตัว การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ การใช้ความเร็วสูง และระหว่างลดความเร็ว โดยระบบจะเลือกและปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่อย่างอัจฉริยะ ทั้งโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีโหมดให้เลือกตังต่อไปนี้
โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)
มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วนั้น ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและชาร์ตกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)
เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และชาร์จไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็ว
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัชท์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่
เอาละ รู้จักระบบจัดสรรพลังงานเพื่อให้เหมาะสมกันไปแล้ว ทีนี้ก็จะถึงเวลาลองขับกันจริงๆ คันที่เราได้มานี้จะเป็น Honda CR-V รุ่น e:HEV ES ขับเคลื่อน 2 ล้อ เปิดราคามาที่ 1,589,000 บาท ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับครอบครัว แม้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทว่าในการใช้งานแล้ว ก็แทบจะไม่แตกต่างจากรุ่น 4WD สักเท่าไร (ในแง่ของการใช้งานทั่วไป)
หน้าตาของ CR-V ใหม่นี้ จะถูกออกแบบให้เข้าอยู่ในอนุกรมเดียวกับพี่น้องยุคใหม่ที่เราได้เห็นผ่านๆตามา เช่น HR-V เป็นต้น ไฟหน้า LED เรียวยาว มีไฟเลี้ยวเป็นขอบด้านบน รับกับกระจังหน้าสีดำ พร้อมโลโก้ H สีฟ้าที่เป็นเครื่องหมายบอกว่าฉันเป็นรถไฮบริด
กันชนเล่นกับเส้นสายโค้งมนตามยุคสมัย ไล่ไปจนถึงขอบบังโคลนก็ยังมีไฟทับทิมติดมาให้เพื่อความปลอดภัยเพิ่มไฟตัดหมอกดวงกลมๆ มาให้ไว้ใช้ยามเดินทางไกล
เส้นข้างที่นอกจากช่วยเสริมความแข็งแรงแล้ว ยังเพิ่มความสวยงามให้ตัวรถดูไม่เรียบจนเกินไป
ซุ้มล้อหลังออกแบบให้มีความกว้าง เพื่อรองรับกับล้อและยางขนาดใหญ่ และยังสามารถเสริมเพิ่มเติมชุดแต่งได้ในอนาคต
ภายในห้องโดยสาร มีการออกแบบให้รูปลักษณ์บางส่วนเหมือนกับพี่น้องในตระกูล “ฮอนด้า” เช่น ช่องแอร์ กับหน้ากากคอนโซลเป็นต้น และยังเพิ่มความภูมิฐานด้วยชุดแต่งลายไม้เข้าไป
ชุดควบคุมระบบปรับอากาศออกแบบให้เป็นปุ่มหนุน เรียงกัน 3 ปุ่ม สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ตามความต้องการ ขยังลงมาจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อสัญญานต่างๆ
หน้าปัดของ ฮอนด้า CR-V เป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด สามารถเลือกการแสดงค่าต่างๆ ได้ตามหลายรูปแบบ เพื่อความชัดเจนของข้อมูลที่ผู้ขับขี่ควรรู้
พื้นที่ด้านหลัง หรือเบาะนั่งแถว 3 สามารถพับเป็นพื้นราบได้ ช่วยให้สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่ หรือยกพนักพิงขึ้นมาเพิ่มพื้นที่ให้ผู้โดยสารได้อีก 2 ที่นั่งสบายๆ
การขับขี่ ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องถูกใจ
แน่นอนครับว่ารถรุ่นใหม่ๆ เราก็จะได้สัมผัสกับสิ่งใหม่ตามไปด้วย เทคโนโลยีใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ อะไรแบบนี้ ซึ่งฮอนด้า CR-V ก็สามารถทำได้ดีในเรื่องของอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร เบาะนั่งสบายกระชับตัว มุมมองที่ชัดเจนรอบตัวจริงๆ และที่มาแบบไม่ต้องขอคือ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเมนโมรี่ 2 ตำแหน่ง และหลังคากระจก เปิดรับแสงได้เต็มบาน
ทว่าสิ่งที่รู้สึกขัดใจน่าจะเป็นเรื่องของการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกที่ค่อนข้างชัดมาก เสียงรถจักรยานยนต์ เสียงต่างๆ มันแทรกเข้ามาตลอดเวลา และอีกจุดคือ ระบบกันสะเทือนที่นุ่มเกินไป(ช๊อคอัพคืนตัวเร็ว) ทำให้เมื่อเจอกับถนนขรุขระหรือคันกั้นทาง ก็จะมีอาการดีดจนรู้สึกไม่สบาย นี่คือ 2 จุดใหญ่ที่ผู้ขับรู้สึกขัดใจ
ฮอนด้า เครมไว้ว่า CR-V e:HEV นี้ มีความประหยัดเชื้อเพลิงที่มากกว่า 20 กม./ลิตร จากเครื่องยนต์ แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุง 1993 ซีซี. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด กิโลวัตต์ (พีเอส)135 (184) / 5,000 – 8,000รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด นิวตัน-เมตร (กก.-ม.) /335 (34.2) / 0 – 2,000 รอบต่อนาที ใช้แบตเตอรี่ชนิด ลิเธียม-ไอออน ระบบส่งกำลังจะเป็น E-CVT (Electrical Continuously Variable Transmission) ขับเคลื่อน 2 ล้อ (มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ e:HEV RS 4WD)
ระบบความปลอดภัยที่ฮอนด้าติดตั้งมาให้ (รถทุกรุ่น)คือ ระบบ Honda SENSING ที่จะเป็นระบบมาตรฐานในรถทุกรุ่นของฮอนด้า
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า ช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นการเพิ่มความอุ่นใจและความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางบนท้องถนน Honda SENSING เป็นการผสานการทำงานอย่างอัจฉริยะดุจประสาทสัมผัสแห่งอนาคต โดยกล้องด้านหน้า ตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนคนขับและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟังก์ชันต่างๆ
ระบบเตือนการชนรถพร้อมระบบช่วยเบรก
ระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติโดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับที่ความเร็วต่ำ หรือเมื่อต้องเจอรถติด ที่รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวได้อย่างช้า ๆ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ
โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติ เมื่อต้องขับขี่ในระยะทางไกล ๆ ผู้ขับอาจรู้สึกเหนื่อยล้า หรือรู้สึกง่วง และอาจเผลอปล่อยพวงมาลัย จนทำให้รถกำลังจะเบี่ยงออกนอกเส้นแบ่งช่องถนน ระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อควบคุมรถให้อยู่ในช่องถนน
ระบบเตือนและช่วยควบคุม เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ
เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูล พร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่
เป็นระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า เมื่อต้องเจอรถติด ที่รถหยุดนิ่งเป็นเวลานาน และผู้ขับอาจละสายตาจากด้านหน้าชั่วคราว เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญานเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Vehicle Stability Assist (VSA)
ระบบช่วยให้รถควบคุมง่าย ในขณะขับขี่เข้าโค้ง หรือถนนลื่นเพื่อให้รถยึดเกาะถนนมากขึ้น เมื่อต้องขับขี่บนถนนที่ฝนตกลื่น หรือขณะเข้าโค้ง ระบบจะเพิ่มการยึดเกาะถนนของรถมากยิ่งขึ้น และควบคุมรถได้ง่าย
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signal (ESS)
ไฟฉุกเฉินจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อเบรกกระทันหันที่ความเร็วมากกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อขับรถมาด้วยความเร็วมากกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผู้ขับอาจไม่ทันสังเกตรถที่จอดอยู่ด้านหน้า แล้วเหยียบเบรกกะทันหัน สัญญาณไฟฉุกเฉินจะเปิดอัตโนมัติ เตือนให้รถคันหลังเห็นสัญญาณไฟ เพื่อป้องกันการถูกชนด้านท้ายรถ
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก Honda Smart Parking Assist System
ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานระบบ ผู้ขับขี่เพียงทำตามคำแนะนำของระบบ คอยเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ และเหยียบเบรก ระบบจะควบคุมพวงมาลัยให้รถเข้าจอด ในตำแน่งที่เลือกได้ เมื่อต้องจอดรถในแนวขนาน และการถอยหลังเข้าจอด ผู้ขับขี่อาจจะกะระยะไม่ถูก ระบบจะช่วยแนะนำการจอดให้อย่างเป็นขั้นตอน ผ่านการควบคุมพวงมาลัย ผู้ขับเพียงทำตามคำแนะนำของระบบ ในการเปลี่ยนเกียร์ และเหยียบเบรกเท่านั้น
ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ Driver Memory Seat
ให้คุณสะดวกสบายในทุกครั้งเมื่อเริ่มต้นการขับขี่ เพียงถือกุญแจรีโมทหมายเลข 1 หรือ 2 ที่บันทึกตำแหน่งที่นั่งของคุณไว้ ไม่ว่าใครจะเอาไปขับ ก็ปรับเบาะให้กลับมาเป็นตำแหน่งเดิมได้อัตโนมัติตามกุญแจที่ผู้ขับขี่ใช้งาน เช่นใช้งานรถคันเดียวกันสองคน ใช้กุญแจคนละดอก เมื่อปลดล็อกรถเบาะจะปรับให้อัตโนมัติตามที่ตั้งค่าไว้ โดยอ้างอิงจากกุญแจที่ใช้
สวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ Drive Mode
สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด เพียงปลายนิ้วสัมผัส // SPORT MODE : โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ // NORMAL MODE : โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป // ECON MODE : โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ตามรูปแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิง การขับขี่แบบทั่วไป และการขับขี่แบบสปอร์ต ที่ให้อัตราเร่งดี ก็สามารถทำได้ตลอดเวลาเช่นกัน
สำหรับ ฮอนด้า CR-V e:HEV คันนี้ นับว่าเป็นรถที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่รักการเดินทาง เพราะภายในกว้าง นั่งสบาย เดินทางไกลก็ประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก แถมไม่ต้องจอดรอชาร์จไฟเหมือนรถไฟฟ้าอีกด้วย จากราคา ล้านกลางๆ แลกกับความสดใหม่ สมรรถนะดี ระบบต่างๆ มาแบบจัดเต็ม คุ้มสุดในรถระดับนี้แล้วละครับ
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)จำกัด และทีมงานประชาสัมพันธ์ทุกท่านที่อำนวยความสะดวกมาโดยตลอด