ปกติผู้เขียนเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ปฏิเสธการรับประทานเนื้อวัว เมื่อมีจังหวะและโอกาส ก็จะไม่ยอมพลาดที่จะลองชิมอาหารที่ปรุงจากเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่างจิ่มแจ่ว เนื้อตุ๋น ผัดกระเพราะเนื้อ ฯ แต่ที่คิดว่าชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นประเภทปิ่งย่าง เพราะได้ทั้งกลิ่น และรสชาดที่ละมุนลิ้นที่สุดแต่กระนั้นก็ยังไม่คิดว่าเจอร้านที่ใช่สำหรับตัวเอง เพราะในห้างก็แพง ริมทางก็เอาเศษเนื้อมาให้เรากิน จนกระทั่งวันที่เราได้ค้นพบ MAX BEEF BUTCHERY ร้านเนื้อย่างที่ถูกใจทั้งรสชาดและราคา
ของอร่อยอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
จุดหมายของเรา ตั้งอยู่ในรั้วมหวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ครับ ไปได้ไม่ยาก ทางเข้าที่ง่ายสุดจะเป็นประตู 3 ด้านถนนงามวงศ์วาน เข้าไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย ไปสักประมาณ ร้อยเมตรเท่านั้น ก็จะเห็นร้าน KU BEEF อยู่ทางซ้ายมือ หาที่จอดรถแล้วลงมาเลยครับ ร้านที่เราจะพามาชิมวันนี้ ถือเป็นร้านที่ครบวงจรที่สุด และยังเป็นการส่งเสริมระบบสหกรณ์การเกษตรอีกด้วย
ร้าน KU BEEF แรกจะเป็นร้านเล็กๆ ภายในจะมีแค่ตู้แช่ เป็นร้านที่ขายเนื้อวัวกึ่งสำเร็จรูป ตัดแต่งเป็นส่วนๆ เพื่อให้สะดวกแก่การนำไปปรุง ร้าน KU BEEF BUTCHERY อีกร้านอยู่ใกล้ๆ กัน ใช้ชื่อที่ติดให้เห็นแล้วต้องเข้าไปดูครับ “เต็ก เตี๋ยว” สาเหตุที่ชื่อนี้เพราะเขาขายสเต็ก กับก๊วยเตียว วันนี้เราจะลองสเต็กกัน ในตู้แช่ เราจะเห็นเนื้อถูกแพ็คเป็นสัดส่วน จัดวางเรียงรายให้เลือกมากมาย เราตัดสินใจเลือก ลองมีโบน กับเซอร์รอย สเต็ก รอไม่นาน สิ่งที่เรารอคอยก็ยกมาวางตรงหน้าแล้ว
ทีโบน เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่เหนียว ส่วนเซอร์รอบยิ่งนุ่มลิ้นขึ้นไปอีกระดับ จัดวางในจานพร้อมสลัดผักสดๆ รสชาดของเนื้อออกมาได้เต็มที่ ผสมกับน้ำเกรวี่หอมๆ ทำให้สเต็กทั้งชิ้นหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก่อนจะสิ้นสุดมื้อ เราได้พบกับผู้จัดการร้านคือ คุณ วิชิต พรหมอินทร์การสนทนาจึงเริ่มขึ้น ส่วนหนึ่งทำให้เรารู้ว่าร้านที่เราจะต้องลองจริงๆ คือร้านที่อยู่ข้างบน
“MAX BEEF BUTCHERY “
ร้านสไตล์ปิ่งย่าง ที่ออกแบบการจัดการให้คล้ายกับญี่ปุ่น แต่ราคาไทยๆ ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน สิ่งที่สะดุดตาเราที่สุดเห็นจะเป็นบรรดาเนื้อต่างๆ วางเรียงรายอยู่ในตู้โชว์อย่างเป็นระเบียบ หากเป็นนักศึกษาเองก็คงจะทราบกระบวนการสั่งอาหารดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเรา จะต้องเรียนรู้กันสักเล็กน้อยครับ
คุณวิชิตบอกกับเราว่า การสั่งจะเริ่มที่เลือกว่าเราจะทานเนื้อแบบไหน เสือร้องไห้ ฝาครอบ ลิ้น สันใน สันนอก หรือแม้แต่เนื้อวากิว ที่ชิ้นละเป็นพัน ก็ยังมีให้เลือกกันตามกำลังทรัพย์ เรียกว่ากำเงินมามากน้อย อย่างไรก้ต้องได้กินเนื้ออร่อยๆ แน่นอนครับ
เมื่อเลือกเนื้อเสร็จแล้ว เราก็มาเลือกน้ำจิ่มครับ มีแบบไทยๆรสจัดจ้าน แบบญี่ปุ่นหอมละมุน จากนั้นก็เลือกว่าจะเสริมด้วยผักสดๆ ที่จัดไว้ให้เลือกมากมาย เติมด้วยขนมปังกระเทียม หรืออบชีสก็ได้ อร่อยคนละแบบ เมื่อเลือกได้แล้ว ก็เป็นคิวของเครื่องดื่ม ในตู้เย็นละครับ ยังไม่จบ ถ้าอยากจะอร่อยกับชาบู ก็เพิ่มได้ในราคาย่อมเยาว์ เช่นกันครับ เลื่อกกันจนแน่ใจแล้วก็ไปนั่งรอที่โต๊ะ เดียวน้องเขาจะเอามาเสริฟ พร้อมกับเตาถ่านสำหรับปรุงมื้อเด็ดของเราต่อไป
สิ่งที่เราเลือกวันนั้มีเสือร้องไห้ ฝาครอบ(ชื่อเนื้อนะครับ) แล้วก็ลิ้น ผัด 1 ชุด น้ำจิ้มถ้ายังไม่ถูกใจอยากจะเพิ่มกระเทียม พริกสด และเปรียวจากน้ำมะนาว เขาก็เตรียมไว้ให้ไม่อั่นครับกรรมวิธีการกินคงไม่ต้องบรรยายแล้ว ลุยเลยตามความถนัดของตัวเอง
กินแล้วได้ความรู้
ครับ การไปชิมของเราวันนั้ ช่วยให้เราได้ความรู้เกียวกับเนื้อเพิ่มมาในหยักสมอง จากความใจดีของคุณ วิชิต ที่สระเวลามาเล่าให้เราได้รู้ถึงเนื้อส่วนต่างๆ ว่าอะไรคือส่วนไหน แล้ว เหมาะจะนำไปปรุงเป็นอาหารอะไร อีกด้วยครับ
หากใครที่ชื่นชอบเนื้อ อยากได้เนื้อดีราคาสมเหตุสมผล ช่วยเหลือเกษตรกรไทย หรือต้องการจะเปิดร้านเนื้อย่าง แล้วอยากได้วัตถุดิบคุณภาพดี ต้องมาครับ ถ้าจะให้สะดวกก็สามารถสอบถามข้อมุลเพิ่มเติมได้ที่ MAX BEEF BUTCHERY สาขา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โทร 088 249322 หรือเข้าไปเยี่ยมชมได้ใน www.maxbeefthai.com