Tuesday, February 11, 2025
Homeหาของแต่งรถ“แตร” เสียงเพื่อความปลอดภัยไม่ใช่ไว้ด่าใคร

“แตร” เสียงเพื่อความปลอดภัยไม่ใช่ไว้ด่าใคร

10815777_900157433335251_769035725_n

ตั้งแต่มีรถยนต์คันแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้เขียน ก็มีความรู้สึกไม่พึงพอใจในเสียงสัญญานแตร ที่ติดมาจากโรงงาน ซึ่งมีเสียงดังเหมือนแมลงหวี่ ไม่ว่าจะเป็นรถยีห้อไหน โดยเฉพาะจากฝั่งแดนปลาดิบ ถ้าเป็นพวกยุโรปเขาจะเสียงดังฟังชัด ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ทำให้ดังเหมือนฝั่งโน้นนบ้างก็ไม่รู้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ในการที่เราจะเปลี่ยนเสียงสัญญานแตรของรถเราให้เหมือนกับรถยุโรป แต่เจตนาจริงๆ ของการเปลี่ยนในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ชอบหรือไม่ชอบ แต่ที่ทำเพราะต้องการความปลอดภัยให้มากขึ้นนั่นเอง
ความปลอดภัยที่ว่านี้ หมายถึงเวลาที่เราต้องเดินทางไกลๆ เรามักจะพบว่ามีรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์มักจะเลี้ยวกลับรถในจังหวะที่ไม่สนใจใคร บางทีก็ออกจากเส้นทางรองมาตัดหน้าเรา แล้วก็ทำเป็นว่า”ก็ฉันไม่เห็นนี่ จะทำไมหรอ” อะไรแบบนี้เป็นต้น ซึ่งมีหลายกรณืที่เราจะได้เห็นตามข่าวเช้าๆ ถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในมุมอับแล้วมองไม่เห็นซึ่งกันและกัน สัญานเสียงจะเป็นเครื่องมือเดียวที่จะบอกให้อีกฝั่งหนึ่งได้รู้ว่ามีเราอยู่นะ แต่เมื่อกดแตรที่ติดรถมาแล้ว มันดังกว่าเสียงตบมือนิดหน่อยเท่านั้น ผมจึงต้องกำจัดจุดอ่อนนั่นเสีย
เลือกเสียงให้ถูกใจ
แตรที่จะไปหาซื้อนั้นบอกได้เลยว่าราคาไม่แพง ยีห้องดังๆ คู่ละ 4-5 ร้อยบาทเท่านั้น จะเอาแบบทรงเดิมติดรถแต่เสียงจัดจ้าน (ดังมาก) หรือจะเอาแบบผู้ดี้ผู้ดี ก็เลือกแบบแตรโข่ง ซึ่งจะให้โทนเสียงที่นุ่มกว่า ไม่แสบหู แต่ก็ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งมากกว่าเช่นกัน ที่บอกว่าเป็นคู่ เพราะแตรแต่ละตัวจะมีโทนเสียงที่ไม่เท่ากัน ทีโดนต่ำกับโทนสูง จำเป็นต้องเอามาทั้งคู่นะครับ จะไปซื้อแล้วแบ่งกับเพื่อนคนละตัว อย่างนี้ เสียงจะแย่กว่าเดิมเข้าไปอีก
ผมเลือกแตรเป็นแบบโข่ง ซื้อมาในราคาคู่ละ 4 ร้อยบาท เพิ่มรีเลย์ กับขั้วไฟเข้าไปก็ประมาณ 6 ร้อยนิดๆ ได้ของมาก็เอารถเข้าไปให้ทางศูนย์บริการเขาจัดการให้ (จริงๆ ก็สามารถทำเองได้ ถ้าไม่ติดที่คราวนี้มันต้องถอดกันชน เลยเอาไปให้มืออาชีพเขาจัดการเลยดีกว่า ) การติดตั้งก็ไม่ยากเท่าไร แต่ต้องมีความละเอียดให้มากๆ เพราะถ้าพลาดไฟช๊อตขั้นมา มันก็จะเกิดความเสียหาย

10805187_900157476668580_532437841_n
วิธีการติดตั้งช่างเขาก็จะต้องถอดกันชนออกมาอย่างที่เห็นในภาพประกอบ จากนั้นก็ถอดเอาแตรอันเดิมที่มีเพียงอันเดียวออก แล้วหาจุดยึดของใหม่ซึ่งก็ต้องคำนึงถึงทิศทางของปากแตรจะต้องหันออกไปหนน้ารถด้วยนะครับ จากนั้นก็เดินสายไฟ สำคัญที่สุดคือ การหุ้มสายไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้สยไฟไปเบียดกับตัวรถซึ่งจะเป็นต้นเหตุของไฟลัดวงจรได้ครับ
จุดที่มีการเข้าสายไฟกับขั่วไฟ ถ้าจะให้ดีที่สุดคือ ควรจะต้องเชื่อมต่อด้วยตะกั่วครับ หัวแร้งตัวเล็กๆ เท่านี้สายไฟก็ยึดแน่นกับขั้วสายแล้ว เมื่อทุกอย่างต่อเข้าด้วยกันแล้ว ก็ลองกดฟังเสียงดูซะก่อน เพื่อความแน่ใจว่าใช้งานได้ จากนั้นก็เก็บทุกอย่างให้เข้าที ประกอบกันชนกลับไป เป็นอันเสร็จกระบวนการเปลี่ยนแตร ซึ่งจะใช้เวลารวมอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นครับ เมื่อเปลี่ยนเสียงแตรให้ดังขึ้นแล้ว ก็อย่าลืมว่าเราเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยนะครับ ไม่ใช่เปลี่ยนเพื่อความสะใจ ว่าต่อไปนี้ฉันเสียงดังแล้ว ก็ไปกดไล่ชาวบ้านเขามั่วไปหมด อย่างนี้ไม่ดีอย่างทำครับ สุดท้าย ไหนๆ เราก็เปลี่ยนแตรกันแล้ว ก็เลยขอเอากฎหมายว่าด้วยไฟหรือเสียงสัญญานมาฝากกันด้วยครับ

หมวด 2
การใช้ไฟหรือเสียงสัญญาณของรถ
มาตรา 11 ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางต้องเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงมาตรา 12 รถแต่ละชนิดที่ใช้ในทางเดินรถผู้ขับขี่ต้องใช้เสียงสัญญาณโดยเฉพาะดังต่อไปนี้
(1) เสียงแตร สำหรับรถยนตร์หรือรถจักรยานยนตร์ และให้ได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร
(2) เสียงระฆัง สำหรับรถม้า และให้ได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร
(3) เสียงกระดิ่ง สำหรับรถจักรยาน และให้ได้ยินได้ในระยะไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร
ส่วนรถอื่นนอกจากที่กล่าวข้างต้น ผู้ขับขี่ต้องใช้เสียงสัญญาณตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราช
กิจจานุเบกษา

มาตรา 13 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถทุกชนิดในทางเดินรถใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ เสียงสัญญาณไซเรนเสียงสัญญาณที่เป็นเสียงนกหวีดเสียงที่แตกพร่า เสียงหลายเสียง เสียงดังเกินสมควร หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อธิบดีมีอำนาจอนุญาตให้รถฉุกเฉิน รถในราชการทหารหรือตำรวจหรือรถอื่นใช้ไฟสัญญาณวับวาบหรือใช้เสียงสัญญาณไซเรนหรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นได้ ในการนี้อธิบดีจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ไฟสัญญาณหรือเสียงสัญญาณรวมทั้งกำหนดเครื่องหมายที่แสดงถึง
ลักษณะของรถดังกล่าวด้วยก็ได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 14 การใช้เสียงสัญญาณ ผู้ขับขี่จะใช้ได้เฉพาะเมื่อจำเป็นหรือป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น แต่จะใช้เสียงยาวหรือซ้ำเกินควรไม่ได้
การใช้เสียงสัญญาณของรถหรือการกำหนดเงื่อนไขในการใช้เสียงสัญญาณในเขตหรือท้องที่ใด ให้อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 15 รถที่บรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถ ขณะที่อยู่ในทางเดินรถ และในเวลาต้องเปิดไฟตามมาตรา
11 หรือมาตรา 61 ผู้ขับขี่ต้องจุดไฟสัญญาณแสงแดง หรือในเวลากลางวันต้องติดธงสีแดงไว้ที่ตอนปลายสุดของสิ่งที่บรรทุกนั้น โดยจุดไฟสัญญาณหรือติดธงไว้ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ไฟสัญญาณแสงแดงหรือธงสีแดงตามวรรคหนึ่ง จะใช้ชนิด ลักษณะหรือจำนวนเท่าใด ให้อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 16 ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถบรรทุกของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟในอุณหภูมิยี่สิบเอ็ดองศาเซลเซียส หรือต่ำกว่านั้นหรือที่บรรทุกก๊าซไวไฟต้องปฏิบัติตามมาตรา 15 และมาตรา 56 แต่ไฟสัญญาณที่ใช้นั้นต้องมิใช่เป็นชนิดที่ใช้เชื้อเพลิง
มาตรา 17 ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถที่ใช้บรรทุกวัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายชนิดอื่นใด ต้องจัดให้มีป้ายแสดงถึงวัตถุที่บรรทุกและเครื่องดับเพลิง และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการป้องกันอันตรายลักษณะและวิธีการติดป้ายแสดงถึงวัตถุที่บรรทุกและเครื่องดับเพลิงตลอดจนเงื่อนไขในการป้องกันอันตราย ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

10660875_900157406668587_697746644_n

10805157_900157466668581_1474960076_n

10807921_900157426668585_2041033449_n

10808177_900157390001922_854876120_n

10808263_900157373335257_778979989_n

10811608_900157436668584_635715030_n

10811656_900157386668589_1468904374_n

10815743_900157413335253_171192081_n

RELATED ARTICLES
- Advertisment -









- Advertisment -