เมื่อไม่นานมานี้ www.autofreestyle.com ได้มีโอกาส ไปทดสอบรถยนต์ Mitsubishi Pajero Sport หลังจากเปิดตัวไม่นาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ได้จัดกรุ๊ปเทสต์ขึ้น โดยกำหนดเส้นทาง กรุงเทพ เพชรบูรณ์เขาค้อ ระยะทางรวมมากกว่า 700 กิโลเมตร ระยะเวลาการทดสอบ 2 วัน
เว็บแรกที่เห็น และได้สัมผัส
ความโดดเด่นของรถ อยู่ที่ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากมิตซูบิชิไททั่น โดยก่อนหน้านี้ ทั้งสองรุ่น จะมีหน้าตาที่เหมือนกันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ทว่า pajero sport โฉมใหม่ กลับมีหน้าตาที่หรูหรา เน้นความเป็นรถระดับพรีเมี่ยม ไฟหน้าเป็นโปรเจคเตอร์ เรียวเข้ารูป กระจังหน้า และคิ้วกันชน เน้นโครเมี่ยม รูปทรงของรถมีความเป็นสปอร์ต ออกแบบให้ อยู่ในโทนเดียวกันตั้งแต่หัวจรดท้าย ที่โดดเด่นที่สุด จะเป็นชุดไฟท้าย ที่ลากยาวลงมาถึงท้ายกันชนล่าง ไม่เหมือนใคร ซึ่งจุดนี้เอง ทางวิศวกรได้กล่าวว่า การออกแบบไฟท้ายลักษณะนี้ เพื่อความปลอดภัย อย่างแท้จริง
กดปุ่ม start
การเดินทางเริ่มต้นในเวลา 8 นาฬิกา 30 นาที ขบวนเริ่มออกเดินทางจากสำนักงานใหญ่ ที่ปทุมธานี ไปถึงจุดแวะพักที่อำเภอ ชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ทำธุระกันสักเล็กน้อย แล้วเดินทางต่อไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีจุดแวะพักทานอาหาร ที่ร้านไก่ย่างบัวตอง หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว รับเปลี่ยนผู้ขับขี่ เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตรก่อนถึงจุดหมาย เราจะต้องเริ่ม ขึ้นเขา คดเคี้ยว ในวันที่เราเดินทางก็มีฝนตก แต่กระนั้น mitsubishi pajero sport ก็สามารถ พาเราไปยังจุดหมายปลายทาง ได้อย่างปลอดภัย
ห้องโดยสาร ออกแบบ ได้อย่างหรูหรา
จุดเด่นของ Mitsubishi Pajero Sport น่าจะอยู่ที่การออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่มีลูกเล่น และเครื่องประดับมากมาย พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน ปรับระยะ ได้ 4 ทิศทาง ขึ้นลงและเข้าออก พร้อมปุ่มมัลติฟังชั่น ใช้งานง่ายเข้าใจไม่ยาก เรือนไมล์เป็นแบบ analog วัดรอบอยู่ด้านซ้าย เริ่ม red line ที่ 4000 รอบ ด้านขวามือจะเป็นความเร็ว ส่วนตรงกลาง จะเป็นจอ display แจ้งข้อมูลในการขับขี่ ทั้งปริมาณน้ำมัน ระยะทาง อัตราสิ้นเปลือง จอมอนิเตอร์ มีให้ในรุ่น top เท่านั้น ระบบปรับอากาศ จะเป็นปุ่มหมุน ปรับอุณหภูมิขึ้นลง ในรุ่น GT premium และ GT จะมีจอมอนิเตอร์ที่เพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมหูฟัง wireless
เบาะนั่ง สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 วางขวางนั่งสบาย ส่วนแถวที่ 3 ซึ่งเป็นแบบพับเก็บ ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับสัมภาระ แต่เมื่อต้องการโดยสาร ต้องบอกว่าจำกัดให้เฉพาะเด็กๆเท่านั้น
เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.4 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์
Mitsubishi Pajero Sport เลือกที่จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แทนที่จะใช้เครื่องใหญ่ นั่นเพราะ มิตซูบิชิมีความมั่นใจว่า เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร คอมมอนเรล บล็อกอลูมิเนียม ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า มีความแรงมากพอที่จะพาตัวถังขนาดใหญ่ โลดแล่นไปบนท้องถนน ได้อย่างสง่างาม
ช่วงล่างของ Mitsubishi Pajero Sport ต้องบอกก่อนว่า มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความนุ่มนวล ที่มีให้ อย่างมาก ลดอาการกระด้าง ช่วยให้ผู้โดยสารตอนหลังมีความสบายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้บริหารเช่นคุณ ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ double wishbone คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง จะเป็นแบบมัลติลิงค์ คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงระบบเบรคหน้าหลัง แน่นอนว่าในรถระดับนี้ จะต้องได้ ดิสเบรค ทั้ง 4 ล้อเพื่อความมั่นใจทุกครั้งที่เบรก อัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือต่างๆ ให้มาอย่างมากมาย เมื่อเที่ยบราคาค่าตัวที่แม้จะขยับขึ้นไปแต่ก็ยังคุ้มอยู่ดีครับ
สำหรับตัวผู้เขียนเองมีความรู้สึกชอบรูปร่างหน้าตาที่สวยงามแปลกตา (รถบางคันพอแปลกตากลับดูไม่ดี แต่ไม่ใช่คันนี้ครับ) อัตราเร่งใช้ได้ ไม่ต้องดมควันใคร แอร์เย็นจัดจับใจไม่เสียยี่ห้อมิตซูบิชิ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเอาใจนักขับรุ่นใหญ่เป็นพิเศษคือ ช่วยล่างออกแนวนุ่มๆ เกินไปเท่านั้นเองครับ สำหรับรายละเอียดมากกว่านี้คงจะต้องรอให้ได้รถมาทดลองขับเดี่ยวก่อนซึ่งจะมีเวลาทำความคุ้นเคยกันได้มากกว่านี้
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พี่แตน และน้องๆ ทีมประชาสัมพันธ์ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น