Tuesday, September 10, 2024
HomeTest DriveHONDA CR-V 1.5 TURBO ทางเลือกที่คุ้มค่าของนักเดินทาง

HONDA CR-V 1.5 TURBO ทางเลือกที่คุ้มค่าของนักเดินทาง

แม้เราจะเริ่มก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ก็ไม่สามารถจะทิ้งเครื่องยนต์สันดาปไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของอารมณ์และการตอบสนองต่อการใช้งาน

 เราเคยลองขับ CR-V ที่เป็น Hybrid มาแล้ว ครั้งนี้จะลองขับอีกหนึ่งรุ่นของเขาคือ Turbo  ซึ่งเป็นรถเครื่องยนต์เบนซินล้วนไม่มีไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง ความรู้สึกจะเป็นนอย่างไร ตามมาครับ

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 6 เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความสนุกสนาน ความเร้าใจ และพลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องที่มาจากขุมพลังเครื่องยนต์เทอร์โบ VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS)

เสริมความมั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ระดับพรีเมียม อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทางด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน

การออกแบบภายนอก

ออกแบบภายใต้แนวคิด “Sporty and Functional Body Frame” ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ ใช้เส้นสายที่ลากยาวต่อเนื่องจากด้านหน้าสู่ด้านท้ายรถ ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวและสร้างรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง พร้อมด้วยฝากระโปรงหน้าที่ดีไซน์แนวนอนจากซ้ายไปขวา ช่วยให้ผู้ขับขี่สามรถกะระยะความกว้างของตัวรถได้ง่าย

กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential นอกจากนั้น ยังเพิ่มไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED เพื่อช่วยในการมองเห็นมากขึ้นเมื่อต้องขับรถในเวลากลางคืนหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)  ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)เพิ่มความสะดวกปลอดภัยให้มากขึ้น

เปิดประตูเข้าไปนั่ง จะพบกับความลงตัวของการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่ลงตัว ใช้งานง่าย เข้าถึงได้ทุกจุด เพราะฮอนด้าเขา ออกแบบภายในห้องโดยสารภายใต้แนวคิด “High Quality but Tough” ที่มุ่งเน้นความสมดุลระหว่างผิวสัมผัสคุณภาพสูงและความทนทาน สะท้อนสู่การออกแบบที่พรีเมียมแต่เรียบง่าย

โดยการจัดวางทุกองค์ประกอบเป็นไปอย่างลงตัว เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง และคงไว้ซึ่งอรรถประโยชน์ที่ดีเยี่ยม เริ่มจากคอนโซลด้านหน้าจนถึงแผงประตูที่มีการออกแบบให้เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว พร้อมด้วยบริเวณ cockpit ที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่รบกวนการขับขี่ ผนวกกับการจัดเลย์เอาต์และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่จัดวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม

ภายในแน่นโทนดำดุดันเริ่มที่เบาะหนังสีดำขึ้นลายช่วยระบายความร้อนได้เร็ว และระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat)

พวงมาลัยสีดำพร้อมปุ่มมัลติฟังชั่น ให้ใช้ควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง2 ตำแหน่ง)

สำหรับเบาะหลังนอกจากความกว้าง เติมความสบายด้วยช่องปรับอากาศ และยังสามารถพับปรับพนักพิงลงมา(Utility Mode) เพิ่มพื้นที่สัมภาระให้มากยิ่งขึ้น

 

ขุมพลังดุเดือด Honda CR-V Turbo ให้เครื่องยนต์เบนซินพร้อมเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) โดยเคลมอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดไว้ที่ 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85

โดยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดเสียงและการสั่นสะเทือนลง รวมทั้งมีการติดตั้ง Step-shift Control

จุดเด่นที่มีมานานตั้งแต่Gen1คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) สมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบและระบบฟูลไฮบริด e:HEV

สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการแบ่งการขับเคลื่อนได้ถึง 60:40 ตามลักษณะการขับขี่ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ทั้งสมรรถนะในการลุยบนถนนที่ขรุขระและสมรรถนะการเข้าโค้ง

  Honda SENSING  ผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)ระบบจะทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 5 กม./ชม. ขึ้นไป

 ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 กม./ชม.

• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 กม./ชม.

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 30 – 180 กม./ชม.

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 10 – 40 กม./ชม.

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)ระบบจะตรวจจับรถที่หยุดด้านหน้าในระยะ 10 เมตร

เริ่มกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ครับ กุญแจอยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้ว เราก็เริ่มออกไปลงขับกันดีกว่า กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ความรู้สึกแรกคือ เงียบๆ นุ่มๆ ดูไร้พิษสง เครื่องยนต์ทำงานเงียบมาก ไร้การสั่นสะเทือนใดๆ เปิดแอร์ให้เย็นๆ แล้วออกเดินทาง

ฮอนด้า นับเป็นค่ายรถยนต์แรกๆ ที่นำเอาระบบส่งกำลังแปรผัน หรือเกียร์ CV-T เข้ามาใช้ในซิตี้ จากนั้นก็ค่อยๆ ทะยอยใช้ในรุ่นอื่นๆจนครบ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม CR-V คันนี้ถึงได้ออกตัวได้นุ่มนวลจนถึงความเร็วเดินทางแบบไม่รู้สึกหรือมีอาการกระตุกในขณะเปลี่ยนอัตราทดแม้แต่น้อย

เราใช้เส้นทางที่ผสมกันไปตั้งแต่ทางราดยาง คอนกรีต รวมถึงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ ความเงียบของห้องโดยสาร แม้จะมีเสียงจากพื้นถนนขึ้นมาบ้าง ก็ยังรู้สึกว่าสงบเงียบอยู่นั่นเอง

การควบคุมไม่แตกต่างจากรุ่น ไฮบริด มีความแม่นยำ นิ่ง และไว้ใจได้เมื่อเข้าโค้งที่ความเร็วเดินทาง ระบบช่วยเหลือต่างๆ สามารถแสดงประสิทธิ์ภาพได้ชัดเจน ช่วงล่างหนึบหนับใช้ได้ แต่สำหรับผู้เขียน คิดว่าด้านหลังน่าจะแน่นๆกว่านี้อีกสักเล็กน้อยจะดีมากจริงๆ

การตอบสนองของเครื่องยนต์ถือว่าจัดจ้านเกินความคาดหมาย เพราะทีแรกที่รับรถมา คาดการว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5ลิตรแม้จะมีเทอร์โบมา ก็ไม่น่าจะไล่คันเร่งสู้เครื่องไฮบริดที่มีมอเตอร์ช่วยขับ แต่เอาเข้าจริงแล้ว กำลังของเครื่องเทอร์โบ กลับพรั่งพรูออกมาตามน้ำหนักเท้าที่ใส่ลงไป เรียกว่าไม่ต้องคิดจากไล่กันดีกว่า

อะไรๆก็รู้สึกดี แต่สิ่งที่สะดุดใจเราคือ อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ตึงๆกับตัวเลขเฉลี่ย 10 กม./ลิตร แต่นี่ก็แลกมากับความสนุกสนานจากพละกำลัง 190 แรงม้า แบกน้ำหนักเกือบๆ2ตัน และอัตราเร่งแบบเร้าใจ

มาดูเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆในห้องโดยสารกัน พวงมาลัยจับกระชับ เนียนมือ ขนาดวงกำลังดี ปรับขึ้นลงและดึงเข้าหาตัวได้ ช่วยให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ถนัดสุดได้ ตัวเบาะนั่งกว้างใหญ่ แต่กระชับตัว ชุดคอนโทรลระบบปรับอากาศเข้าถึงง่าย แทบจะไม่ต้องละสายตาไปจากถนน จอมอนิเตอร์ขนาดกระทัดรัดแต่ให้ความชัดเจนสูง จะปรับ จะกดใช้งานอะไรก็ทำได้ตลอดเวลา

อย่างที่บอกว่า ภายนอกดูรถคันใหญ่ แต่มั่นใจได้ว่าเครื่อง1.5เทอร์โบ ไม่ใช่แค่เพียงพอกับการใช้งาน แต่เหลือๆ กับการเดินทาง ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่ง ด้านหลังยังขนสัมภาระได้มากมาย จะไปใกล้ไปไกล ขอแค่มีน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้นพอ

สำหรับเรื่องกวนใจหลักๆคือตัวเลขการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ครับ แม้ตัวเลขเฉลี่ย 10-13 กม./ลิตรอาจจะดูเยอะ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา ก็ยังน่าสนใจอยู่นะครับ

สุดท้ายต้องขอขอบคุณ ฮอนด้า ประเทศไทย และทีมประชาสัมพันธ์ทุกท่านที่อำนวยความสะดวกด้วยดีเสมอมา

 

รุ่นและราคา

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้

 ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่

• รุ่น e:HEV RS 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,729,000 บาท

• รุ่น e:HEV ES 5 ที่นั่ง ราคา 1,589,000 บาท

 เครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่

• รุ่น EL 4WD   7 ที่นั่ง ราคา 1,649,000 บาท

• รุ่น ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 บาท

• รุ่น E 5 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท

 

สีภายนอก

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)

สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

RELATED ARTICLES
- Advertisment -









- Advertisment -