ภายใต้โครงการ IMV:International Innovative Multi-purpose Vehicle รถที่จะเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น การพัฒนา และสมรรถนะ
เรากำลังพูดถึงรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย TOYOTA FORTUNER เพราะเราแทบจะกล่าวได้ว่าเป็น ”รถที่สามารถพบเจอได้ในทุกหมู่บ้าน“ ซึ่งผู้ใช้รถคงจะยืนยันได้อย่างแน่แท้
และวันที่ผู้เขียนได้นำรถ Toyota Fortuner GR-Sport ซึ่งเป็นรุ่นที่ทำการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งเรื่องของความสวยงาม และเรื่องของสมรรถนะให้สูงขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ซึ่งหลักคิดง่ายๆ แต่ได้ผลคือ ทำรถให้ขับดี ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ทรงคุณค่าด้วยราคาขายต่อดี
Toyota Fortuner “GR-Sport” ได้ถูกเสริมภาพลักษณ์ให้โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทรงพลัง สนุกสนานกับสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์แรงสุด 224 แรงม้า และช่วงล่างสปอร์ต เพื่ออรรถรสในการขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง ศักดิ์ศรีผู้นำอย่างแท้จริง
ภาพภายนอกที่คุ้นตาคือรถอเนกประสงค์ที่มีร่างกายกำยำ เข้มแข็ง สง่างาม ไฟหน้าแบบ Full LED สมบูรณ์แบบ ให้แสงสว่างชัดเจนในเวลากลางคืน กระจังหน้าดำ ตัดกับชุดกันชนสีแดง เพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถ ช่องรับอากาศเย็นขนาดใหญ่ ช่วยการระบายความร้อนได้อย่าเต็มประสิทธิภาพ จึงสามารถใช้งานรถได้อย่างไร้ขอบเขต พร้อมโลโก้ GR-Sport ชัดเจน
ชุดกันชนหน้ายังติดตั้งไฟตัดหมอกที่มุมทั้ง2เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ไล่แนวจากขอบฝากระโปรงหน้าไปถึงกันชนท้าย จะเห็นการตัดกันของสีที่ชัดเจน โดยมีเส้นขอบประตูที่เสริมด้วยคิ้วโครเมี่ยมมาช่วยเพิ่มคุณค่าฝาท้ายขนาดใหญ่แบบเปิดขึ้นทั้งบาน ช่วยผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารขนาดใหญ่หุ้มด้วยหนังดำตัดด้ายแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของ GR-Sport เข้มขรึม ชุดคอนโซลที่เข้าถึงการใช้งานได้ง่าย เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Autoแบบไร้สาย มาตรวัดต่างๆเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน
เบาะนั่งขนาดใหญ่ นั่งสบาย รองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่มีสรีระได้หลากหลาย พื้นที่กว้างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง โดยเบาะนั่งจะออกแบบการระบายอากาศช่วยลดความร้อนสะสมได้ ทำให้การเดินทางไกลๆ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น
และที่เป็นเอกลักษณ์ของ Toyota Fortuner คือ เบาะแถวที่3 ออกแบบให้พับขึ้นทางด้านข้าง
ขุมพลังที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรง จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 GD Super Power ถูกปรับจูนใหม่ ให้กำลังสูงสุดถึง 224 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า) แรงบิด 550 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร) เงียบแต่ทรงพลัง
ช่วงล่างเองก็ได้รับการปรับจูนใหม่ เพิ่มความเป็นสปอร์ตให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีการปรับค่าสปริง และช๊อคอับใหม่ทั้งหมด
ภาพจำของรถรุ่นนี้คือ ความใหญ่โตของตัวรถ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลย แต่แม้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ แต่การขับขี่ มุมมองรอบคันกลับทำได้อย่างง่ายดาย ตำแหน่งที่นั่งสู่ง มองเห็นรอบคันได้ชัดเจน เสียงจากภาพนอก เล็กลอดเข้ามาภายในห้องโดยสารได้น้อยมาก โดยเฉพาะเสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังคำรามในขณะเดินทาง ระบบปรับอากาศจัดว่าเหมาะกับความร้อนของประเทศไทยจริงๆ เพราะวันที่เราออกไปเก็บภาพ แสงแดดแรงมาก อุณหภูมิภาพนอกพุ่งสูงกว่า 36 องศาเซลเซียส
เส้นทางถนนดำ ความหนึบแน่นของช่วงล่าง ช่วยลดอาการโยกและโยนตัวได้ค่อนข้างมาก การขึ้นและลงคอสะพานทำได้ดี ยิ่งเมื่อต้องเข้าโค้งที่ความเร็วเดินทางยิ่งมั่นใจ
เราได้มีโอกาสทดลองระบบขับเคลื่อน 4ล้อในช่วงสั้นๆ ทั้ง 4H และ 4L ที่สามารถเลือกใช้งานได้ง่ายดาย เพียงทำตามที่คู่มือระบุเอาไว้เท่านั้น จากระบบขับเคลื่อน 2ล้อ หมุนเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4ล้อ ช่วยให้รถมีการยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางลูกรัง แต่ถ้าหากต้องการกำลังชุดลากสูงสุด การใช้ 4Lจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งในวันนั้นเราก็ได้มีโอกาสทดลองด้วยการไต่ขึ้นขอบสระน้ำที่มีความลาดชันสูง และพื้นมีความลื่นในระดับหนึ่งอีกด้วย (แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เพราะเคยได้ทดสอบจริงจังเมื่อครั้งขึ้นเขาระเบิดเมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว จึงมั่นใจได้)
ตัวรถมีขนาดใหญ่ ใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจึงอยู่ในระดับ 10-13 กิโลเมตร/ลิตร ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้คันเร่งนั่งเอง
FORTUNER GR – Sport 2.8 GR Sport เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องของสมรรถนะที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน จึงมาพร้อมค่าตัว 1,939,000 บาท
(*สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี Platinum White Pearl Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย ทีมประชาสัมพันธ์ ทุกท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเราอย่างดีทุกขั้นตอน