Tuesday, September 10, 2024
HomeTest DriveWuling Binguo มีติดบ้านไว้ ไม่เสียหลาย

Wuling Binguo มีติดบ้านไว้ ไม่เสียหลาย

ถ้านับอายุรถEV เที่ยบกับอายุรถสันดาบแล้ว น่าจะยังไม่พ้นยุคเริ่มต้นขอคาร์บูเรเตอร์กับจานจ่าย การที่เราเห็นรถไฟฟ้าวิ่งทั่วบ้านทั่วเมือนในเวลานี้ อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในอนาคตได้เช่นกัน จนกว่าแบตเตอรี่จะมีราคาถูกลง จนกว่ารถไฟฟ้าจะผ่านการใช้งานครบ 10ปีหรือ30 ปีเช่นเดียวกับรถสันดาป ความมั่นใจก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

แต่วันนี้ แม้การเดินทางของรถไฟฟ้าจะอยู่ในยุคเริ่มต้นก็ตาม ทว่ามันก็สามารถเข้ามาทดแทนหรือช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงาน และมลภาวะได้พอสมควร

วันนี้เราได้มีโอกาสลองขับหนึ่งในรถไฟฟ้าที่เข้ามาทำตลาดแทรกตัวอยู่ในกลุ่มรถเล็กที่ผันตัวเองจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้า แต่จะบอกเอาไว้เลยว่า“รถทุกค่ายทุกรุ่น คุณภาพขึ้นอยู่กับราคาก็จริง ความพึงพอใจ ขึ้นอยู่กับบุคคล”

Wuling Binguo จัดเป็นรถขนาดเล็กกระทัดรัด แบบ 5ประตู 4+1ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า การออกแบบหน้าดูเรียบๆ อยู่กึ่งกลางระหว่างรถไฟฟ้ากับรถสันดาป กระจกรอบคันกว้าง ให้ทัศนวิสัยที่ดี (ยกเว้นที่เสาC มีขนาดใหญ่ ทำให้บดบังมุมมองขณะถอยไปบ้าง)

ไฟหน้าเป็น LED Projector ให้ความสว่างได้ดี แต่ไม่มีเวลาที่จะได้ลองบนถนนในต่างจังหวัดว่าจะชัดเจนกว้างไกลขนาดไหน ฝาท้ายเปิดขึ้นทั้งบาน สะดวกในการขนย้ายสัมภาระ

ภายในห้องโดยสารจัดว่ามีความกว้างขวาง พื้นเรียบ ไม่มีอุโมงค์เกียร์ ทำให้ได้ที่วางเท้าเพิ่มอีก ทว่าน่าเสียดายที่ไม่มีที่พักเท้าสำหรับผู้ขับขี่ ทำให้ต้องจัดท่าจัดตำแหน่งวางเท้าให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดอาการเมื่อยล้าขาซ้าย

หน้าปัทม์เป็นจอแอนดรอยด์ 2จอ อยู่ในกรอบเดียวกัน  ด้านหน้าคนขับจะมีข้อมูลความเร็ว ระยะทาง ความจุแบตเตอรี่บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ และระยะทางที่เหลือให้ใช้งาน จอตรงกลางจะเป็นมอนิเตอร์แสดงระบบเครื่องเสียง การปรับตั้งต่างๆ ซึ่งคุณภาพของจอยังแค่กลางๆ ความไวของการสัมผัสยังไม่ดีเท่าที่ควร ทว่ายังสามารถเชื่อมต่อ  Apple Carplay / Android Auto แบบไร้สาย และมีกล้องบันทึกข้อมูลการขับขี่ DVR 1080p Full HDมาให้ด้วย

ส่วนพวงมาลัยดูเหมือนจะเล็กไปหน่อยน่าจะเหมาะกับมือสาวๆ มากกว่า แต่การปรับตั้งระดับน้ำหนักและความแม่นยำถือว่าใช้ได้ แต่ปุ่มมัลติฟังชั่นที่ให้มา ใช้งานได้หลักๆคือเพิ่ม/ลดเสียง กับเปลี่ยนช่องสถานีวิทยุเท่านั้น

ล้อเหล็กปั๊มพร้อมยางขนาด 185/60R15 ถูกใส่มาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งก็ดี เพราะราคาไม่แพงเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน ช่วงล่างหน้าเป็นแบบสตรัท คอยล์สปริง หนังคานแข็งคอยล์สปริง ซึ่งจริงๆแล้วก็สามารถขับใช้งานในเมืองได้สบายๆ แต่ถ้าคิดถึงการขับขี่บนถนนหลวงก็อยากได้ช่วงล่างที่ดีกว่านี้อีกนิดจะลงตัวที่สุด

เบาะนั่งผู้ขับจะเป็นแบบปรับด้วยไฟฟ้า ก็สะดวกดี ตัวเบาะหุุ้มหนังสีน้ำตาลตัดขาว แม้จะดูเหมือนนั่งไม่สบาย แต่พอนั่งขับใช้งานจริงๆ กลับรู้สึกดี ไม่เมื่อยล้า ปรับให้เข้าตัวได้ไม่ยากครับ ส่วนพื้นที่เบาะหลัง มีระยะวางเท้ากว้างขวาง ช่วยให้นั่งสบาย และยังสามารถพับเบาะเพื่อขยายเนื้อที่บรรทุกสัมภาระให้มากขึ้นได้อีกด้วย

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 50 kW หรือ 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 31.9 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 333 กม.ต่อการชาร์จเต็ม รองรับการชาร์จแบบ AC 6.6kw และ การชาร์จแบบ DC 50kw (ในรุ่น DC)

เราเลือกโหมด ECO (สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งข้ามมาจากรถสันดาป แนะนำให้เริ่มขับด้วยโหมดECOนะครับ) เพื่อปรับความคุ้นเคยกับคันเร่ง และเบรค หมุนปุ่มเกียร์ ไปที่ตำแหน่ง D กดปลดล๊อคเบรคมือไฟฟ้า(ที่จะทำงานทุกครั้งที่จอดและเข้าเกียร์P  ค่อยๆ ไล่คันเร่งเพื่อดูการขับเคลื่อน ผู้เขียนเอง รู้สึกดีกับคันเร่งและอัตราเร่ง แม้จะอยู่ในโหมดประหยัดก็ตามที่

ออกถนนใหญ่ วงเลี้ยวแคบ ช่วยให้การกลับรถทำได้ง่าย อัตราเร่งในโหมด ECO สำหรับผู้เขียนเห็นว่าเหมาะกับการขับขี่ในเมือง เพราะรถจะไม่กระชากหรือเร่งแล้วพุ่งแรงเกินควบคุม

สิ่งที่เรารู้สึกและสัมผัสได้คือ เสียงจากพื้นหรือยางที่บดพื้นจะขึ้นมาในห้องโดยสารเยอะพอสมควร(อาจจะเพราะไม่มีเสียงเครื่องยนต์แล้วก็เป็นได้) แอร์เย็นสบาย จะติดก็แค่เรื่องพักเท้ากับหน้าจอที่ปรับยาก

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า”หูเกี่ยว“ อันนี้ชอบจริงๆ เพราะเมื่อก่อนเวลาซื้อน้ำหรือผลไม้ใส่ถุงมาทานในรถ เราจะต้องหาที่แขวน บางทีก็ปุ่มกดล๊อครถบ้าง มือเปิดประตูบ้าง หรือแม้แต่ที่คันเกียร์ แต่ Wuling Binguo ใส่ที่แขวนมาให้ตรงคอนโซลกลาง ชีวิตสะดวกขึ้นทันที

และที่ชอบอีกเรื่องคือ สามารถเลือกชาร์จไฟได้ทั้งแบบ AC และ DC (บางรุ่น) ถ้าใช้งานจากบ้านไปที่ทำงานเฉลี่ยวันละ 50กม. 2 วันค่อยเสียบไฟบ้านชาร์จก็ยังได้ ระดับแบตเตอรี่ประมาณ 50% เสียบไฟค่ำๆ เช้าก็เต็ม100%พร้อมออกไปทำงานทันที

อย่างที่บอกครับ ราคากับคุณภาพมาด้วยกัน แต่ความพึงพอใจไม่ไม่ใช่เพราะรถคันนี้ราคาเพียง 4แสนนิดๆ แต่สามารถขับใช้งานได้จริง แอร์เย็นเพลงดัง ฝนตกไม่เปียก ไม่ต้องมีค่าดูแลรักษาต่อเนื่องเหมือนรถสันดาป แต่อย่างที่บอกครับ เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่า

จริงๆ รถ EV ราคา 4-5 แสน เวลานี้ก็จะมีตัวเลือกไม่มากนัก เทคโนโลยีไม่ถึงกับล้ำ แค่ขับดี ถูกจริตเรา ก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น สุดท้ายต้องขอขอบคุณบริษัท EV Primusและทีมงานที่อำนวยความสะดวกในครั้งนี้

ราคาเริ่มต้นช่วงแนะนำ 419,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง และ BINGUOEV DC ราคาเริ่มต้นช่วงแนะนำ 449,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะ Upgrade รถทั้งสองรุ่น เป็นรถรุ่น THE ICON โดยจ่ายเพิ่ม 30,000 บาท และ จะได้ออฟชั่นของแถมเพิ่มมูลค่ากว่า 100,000 บาท

มีให้เลือก 3 สีสันสุดคลาสสิกได้แก่ สีชานม (Milk Tea) สีฟ้ากาแล็กซี (Galaxy Blue) และสีเขียวมูส (Mousse Green)

·      แพ็กเกจ รับประกันตลอดอายุการใช้งาน (Passive Lifetime Warranty)

·      Wallbox Home Charging 7kw พร้อมติดตั้ง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -









- Advertisment -